มาตรการ Easy E-receipt ส่งเสริมท่องเที่ยววีซ่าฟรี หนุนดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ เดือน ม.ค.67 ขยับเพิ่มขึ้น

21 กุมภาพันธ์ 2567, 13:40น.


              ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนม.ค.67 นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ และนายอภิชิต ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยรายละเอียด


-ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือน ม.ค. 67 อยู่ที่ระดับ 90.6 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 88.8 เมื่อเดือนธ.ค.66 


-ปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศ สะท้อนจากคำสั่งซื้อและยอดขายสินค้าที่เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค เพื่อรองรับการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีน ประกอบกับมาตรการ Easy E-receipt ในช่วงวันที่ 1 ม.ค.-15 ก.พ. 67 ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ และมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว วีซ่าฟรี (Visa-Free) ทำให้ในช่วงเดือนม.ค.67 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยกว่า 2,743,147 คน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 27.8 (YoY) ขณะที่ ภาคการส่งออก ฟื้นตัวดีขึ้นตามอุปสงค์ในตลาดโลก และคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น สหรัฐฯ ตะวันออกกลาง และอินเดีย 


-ปัจจัยลบ จากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินกิจการเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะ SMEs ขณะที่ สถาบันการเงินมีความเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อมากขึ้นจากความกังวลปัญหาหนี้ครัวเรือน นอกจากนี้ ผู้ประกอบการนำเข้าและส่งออก ยังเผชิญกับต้นทุนค่าขนส่งที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากอัตราค่าระวางเรือ ค่าธรรมเนียมและค่าประกันต่างๆ ที่เกิดจากปัญหาการโจมตีเรือขนส่งสินค้าบริเวณคลองสุเอซและทะเลแดง ขณะที่ การขนส่งสินค้าระหว่างเอเชียและยุโรป ใช้ระยะเวลานานขึ้น เนื่องจาก ต้องเปลี่ยนเส้นทางเดินเรือผ่านแหลมกู๊ดโฮป


              จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,331 ราย ครอบคลุม 46 กลุ่มอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในเดือนม.ค.67 พบว่า ปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ เศรษฐกิจโลก ร้อยละ 82.5 อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ร้อยละ 73.7 ราคาน้ำมัน ร้อยละ 50.1 เศรษฐกิจในประเทศ ร้อยละ 45.2 ตามลำดับ 


             ปัจจัยที่มีความกังวลลดลง ได้แก่ อัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ร้อยละ 41.5 สถานการณ์การเมืองในประเทศ ร้อยละ 35.0 ตามลำดับ


             ขณะที่ดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 98.4 ปรับตัวเพิ่มขึ้น จาก 96.2 ในเดือนธ.ค.66 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอุปสงค์ในประเทศและต่างประเทศที่ทยอยฟื้นตัว รวมถึง มาตรการแก้ไขหนี้นอกระบบมาตรการพักชำระหนี้ SMEs 


-ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ปัญหาความไม่สงบบริเวณทะเลแดงที่มีแนวโน้มขยายวงกว้างซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยในระยะต่อไป รวมถึงกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานการผลิต (Supply Chain) และความผันผวนของราคาพลังงาน นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังมีความห่วงกังวลเกี่ยวเศรษฐกิจจีนที่ชะลอลง จากวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคจีนอ่อนแอ และความต้องการสินค้าจากไทยลดลง


            ข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ


1) เสนอให้ภาครัฐเร่งหารือกับสายเรือเพื่อเพิ่มจำนวนเรือขนส่งสินค้า และตู้คอนเทนเนอร์เข้ามาในประเทศ เพื่อป้องกันปัญหาขาดแคลนตู้สินค้าและเรือตลอดจนขอให้มีการชี้แจงแผนการเดินเรือ และรายละเอียดในส่วนของค่าระวางเรือ (Freight rate) ที่ปรับเพิ่มขึ้นให้ชัดเจน


2) เสนอให้ภาครัฐอำนวยความสะดวกการค้าชายแดนไทย-เมียนมา รวมทั้ง ดูแลนักลงทุนไทยที่เข้าไปทำธุรกิจ เพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในเมียนมา


3) เร่งพิจารณาอนุมัติงบประมาณปี 2567 รวมถึงมีการเตรียมความพร้อมในการใช้จ่ายงบให้ได้ตามเป้าหมาย ภายในปีงบประมาณ โดยเฉพาะงบลงทุนและจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ


 


#ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรม


#สภาอุตสาหกรรม


CR:ขอบคุณข้อมูล-ภาพ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย


 


 
ข่าวทั้งหมด

X