สื่อหลายแห่งในเมียนมามีรายงานว่า ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นมา มีชาวเมียนมาจำนวนมากจากทุกชาติพันธุ์ไม่เฉพาะคนเมียนมา ได้ไปยืนเข้าแถวยาวเหยียดอยู่บนถนนด้านหน้าสถานทูตไทยในกรุงย่างกุ้ง เพื่อต่อคิวยื่นคำร้องขอวีซ่าเดินทางเข้าประเทศไทย โดยจำนวนผู้คนที่ไปยืนต่อแถวเริ่มเพิ่มมากขึ้นในแต่ละวัน เริ่มจากจำนวนหลายสิบคน จนล่าสุดมีมากนับพันคนต่อวัน
สถานการณ์ดังกล่าวเริ่มขึ้นหลังจากรัฐบาลของสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) เมียนมา ได้ปัดฝุ่นนำกฎหมายการเข้ารับราชการทหารที่ออกไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2553 สมัยนายพลตานฉ่วย มาบังคับใช้ โดยให้มีผลตั้งแต่วันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2567 สาระสำคัญของกฎหมาย บังคับผู้ที่มีสัญชาติเมียนมาทุกชาติพันธุ์ ไม่เฉพาะชาวเมียนมา โดยผู้ชายอายุตั้งแต่ 18-35 ปี และผู้หญิงอายุตั้งแต่ 18-27 ปี ต้องเข้ารับราชการทหารเป็นเวลาอย่างต่ำ 2-5 ปี หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 5 ปี ส่งผลให้ประชากรทุกชาติพันธุ์ในเมียนมาที่ไม่ต้องการเข้าเป็นทหาร ต้องหาทางหนีข้ามมาอยู่ในประเทศไทย
จนทำให้ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 สถานทูตไทยประจำเมียนมา ต้องออกประกาศจัดระเบียบการเข้าขอวีซ่า โดยระบุว่า แต่ละวันสถานทูตสามารถรับพิจารณาคำร้องขอวีซ่าได้สูงสุด 400 คน จึงจำเป็นต้องนำระบบการแจกบัตรคิวมาใช้ โดยเจ้าหน้าที่สถานทูตจะเริ่มแจกบัตรคิวในเวลา 08.30 น. และเริ่มรับพิจารณาคำร้องตั้งแต่เวลา 09.00 น. บัตรคิวแต่ละบัตรใช้กับผู้ยื่นคำร้องขอวีซ่าเพียง 1 คน ไม่สามารถเข้าคิวแทนกันได้ ดังนั้น จึงให้ผู้ที่ต้องการยื่นคำร้องขอวีซ่าเข้าประเทศไทยต้องเตรียมเอกสารประกอบมาให้ถูกต้องครบถ้วน เพราะสถานทูตจะไม่พิจารณาคำร้องที่มีเอกสารไม่ครบ
#หนีทหารเข้าไทย