โฆษกอสส.แถลง แจ้งข้อหา มาตรา 112 ทักษิณยื่นร้องขอความเป็นธรรม

06 กุมภาพันธ์ 2567, 12:58น.


          นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสูด พร้อมด้วย นายณรงค์ ศรีระสันต์ และ นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ ร่วมแถลงความคืบหน้าคดีที่นายทักษิณ ชินวัตร ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด มาตรา 112 คดีดังกล่าว เมื่อวันที่ 16 ก.พ.2559 สำนักงานอัยการสูงสุดได้รับแจ้งสำนวนคดีการกระทำความผิดนอกราชอาณาจักรจากพนักงานสอบสวน ปอท.โดยมี พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม เป็นผู้กล่าวหา นายทักษิณ ข้อหาร่วมกันดูหมิ่นประมาท แสดงความอาฆาตมาดร้าย พระราชินีและรัชทายาท และร่วมกันนำเข้าสู่คอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ



          เหตุเกิดเมื่อ 21 พ.ค.2558 ที่ กรุงโซลประเทศเกาหลีใต้ และประเทศไทยเกี่ยวพันกัน ความผิดดังกล่าว เป็นความผิดที่มีการกล่าวหาว่ากระทำผิด มาตรา 112 โดยการกระทำความผิดตามกฎหมายไทย ได้กระทำนอกราชอาณาจักรจึงเป็นหน้าที่ของ อสส.ในการดูแลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาตามมาตรา 20 ในยุค ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร ได้ตรวจพิจารณาสำนวนและมีความเห็น เมื่อวันที่ 19 ก.ย.2559 โดยมีความเห็นควรสั่งฟ้องนายทักษิณตามข้อสั่งฟ้องตามที่พนักงานสอบสวนสั่งฟ้องมา แต่เนื่องจากผู้ต้องหาอยู่ระหว่างหลบหนี อัยการสูงสุดจึงแจ้งให้พนักงานสอบสวนออกหมายจับภายในอายุความ 15 ปีนับแต่วันเกิดเหตุ โดยคดีจะหมดอายุความ 21 พ.ค.2573



          ต่อมา วันที่ 22 ส.ค.2566 นายทักษิณ เดินทางกลับมาไทย และถูกควบคุมตัวเพื่อรับโทษในคดีอาญาในคดีอื่น พนักงานสอบสวนนำหมายจับไปแจ้งอายัดตัวกับกรมราชทัณฑ์แล้ว ต่อมาเมื่อ 17 ม.ค.2567 นายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน และคณะได้ร่วมกับพนักงานสอบสวน ตำรวจเข้าแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมพฤติการณ์ในคดีให้นายทักษิณรับทราบแล้ว และยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ต่อมาอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ได้ส่งบันทึกคำให้การชั้นสอบสวน พร้อมหนังสือร้องขอความเป็นธรรมให้อัยการที่ดูแลเพื่อรวบรวมส่งต่อ อสส.พิจารณาขณะนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานกิจการคดี อัยการสูงสุดอยู่ระหว่างการพิจารณาและทำความเห็นเบื้องต้น เพื่อส่งให้ อสส.มีความเห็นและมีคำสั่งทางคดีต่อไป



          ซึ่งทางผู้ต้องหาส่งหนังสือร้องขอความเป็นธรรมแนบมาด้วย จึงเป็นประเด็นให้ผู้รับผิดชอบทางคดีต้องรวบรวมพยานหลักฐาน นำเสนออัยการสูงสุด เพื่อลงความเห็นในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งสามารถสั่งได้ 3 แนวทาง คือ สั่งสอบเพิ่ม หากมีประเด็นต้องสอบสวนให้กระจ่าง สิ้นความสงสัย, หากสำนวนพร้อมสมบูรณ์ ก็จะยืนตามความเห็นเดิม คือ สั่งฟ้อง, หากหลักฐานพบว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้กระทำผิด ก็จะสั่งไม่ฟ้อง อย่างไรก็ตาม อัยการสูงสุดจะมีความเห็นและคำสั่งอย่างไร เป็นการเร็วเกินไปที่จะไปก้าวล่วงการพิจารณาในส่วนนี้ เพราะสำนวนถูกส่งมาที่ฝ่ายกิจการฯ เพื่อคัดกรอง ตรวจพยานหลักฐาน ลงความเห็น ก่อนเสนอรองอัยการสูงสุดที่กำกับดูแล จากนั้นจะไปถึงขั้นเสนออัยการสูงสุด



          นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่ากรมราชทัณฑ์ ยังไม่มีคำสั่งพักโทษนายทักษิณ แต่พนักงานสอบสวนได้แจ้งอายัด และกรมราชทัณฑ์ได้ตอบรับการอายัดตัวเมื่อวันที่ 28 ส.ค.2566 ซึ่งคดีนี้หากมีการพักโทษ ทางเรือนจำจะต้องแจ้งไปยังพนักงานสอบสวนให้มารับตัวนายทักษิณไว้มาดำเนินการควบคุม ซึ่งจะต้องพิจารณาจะปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นพนักงานสอบสวน หรือนำตัวไปขอศาลฝากขัง ก่อนจะแจ้งผลการควบคุมตัวมาที่พนักงานอัยการว่าได้มีการควบคุมตัวนายทักษิณอย่างไร



 



#ทักษิณ



#คดีหมิ่น112

ข่าวทั้งหมด

X