*รมว.ทรัพยากรฯ เร่งทำความเข้าใจประชาชนแจกที่ทำกิน แต่ไม่ให้เอกสารสิทธิ์ รายบุคคล*

18 พฤษภาคม 2558, 18:26น.


หลังการประชุม คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ หรือ คทช. ครั้งที่ 4 และเป็นครั้งที่ 2ของปีนี้ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช. เป็นประธานการประชุม ในวันนี้ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ที่ประชุมวันนี้ได้พิจารณาอนุมัติอัตราค่าธรรมเนียมการใช้ประโยชน์ที่ดินของราษฎร จากเดิมไร่ละ 50 บาทต่อปี ลดลงให้เหลือไร่ละ 25 บาทต่อปี แต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขของ คทช. เนื่องจากราษฎรส่วนใหญ่เป็นผู้มีรายได้น้อย  ส่วนค่าใช้จ่ายในการปลูกป่าทดแทน ได้มอบให้กรมป่าไม้  ไปจัดหาเมล็ดพันธุ์ของต้นไม้ที่มีความเหมาะสม ในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้ราษฎรที่ใช้ประโยชน์ ไปจัดทำแปลงเพาะชำ โดยจะให้ดูแลกันเอง แต่จะให้กรมป่าไม้เป็นผู้แนะนำ เพื่อลดค่าใช้จ่ายของราษฎร และภาครัฐ  ที่ประชุมมีมติให้เก็บค่าธรรมเนียมปลูกป่าเศรษฐกิจชุมชน โดยจัดเก็บไร่ละ 10 บาท และให้นำรายได้เข้าสู่องค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้ในเรื่องป่าเศรษฐกิจชุมชนที่ได้ค่าตอบแทนจะเก็บ ไร่ละ 100 ต่อปี โดยจะมีมาตรการการจัดเก็บเป็นระยะ  ส่วนการรายงานผลการดำเนินงานในพื้นที่เป้าหมายตามที่คทช. ได้ดำเนินการแล้วไปเสร็จ เช่น พื้นที่อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน และเตรียมที่จะดำเนินการตามพื้นที่เป้าหมายในระยะต่อไป ช่วงเดือนมิถุนายน - กรกฎาคม โดยจะมีพื้นที่ในป่าสงวนแห่งชาติลุ่มแม่น้ำฝาง ,ป่าสงวนแห่งชาติท่าทาง ,และป่าสงวนแห่งชาติแม่ตาล โดยมีพื้นที่รวมกว่า 9,164 ไร่



 พล.อ.ดาว์พงษ์  ยอมรับว่า  มีราษฎรบางพื้นที่ มีความต้องการในเอกสารสิทธิ์ในแบบรายบุคคล ซึ่งรัฐบาลจะต้องทำความเข้าใจชี้แจงต่อไป โดยย้ำว่า จะดำเนินการในลักษณะดังกล่าวไม่ได้ เพราะที่ผ่านมา ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะราษฎรเกิดอาจเปลี่ยนแปลงสิทธิ์ และจะทำให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง ในขณะที่ข้อเรียกร้องของกลุ่มพีมูฟ ในการเรียกร้องให้ออกโฉนดชุมชน ให้มีความสอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาลในโครงการของ คทช. ซึ่งล่าสุดกลุ่มพรีมูฟได้เสนอมาแล้วกว่า 58 แปลง ซึ่งต้องมีการตรวจสอบต่อไป แต่หากเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำ ก็ต้องทำความเข้าใจว่า มีความจำเป็นต้องหาพื้นที่ใหม่ภายหลัง  ที่ประชุมวันนี้นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำ แนวทางการแก้ไขปัญหาให้เป็นในแบบระยะยาว อย่างยั่งยืน พร้อมมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการเพื่อให้ราษฎรเข้าถึงแหล่งเงินทุน ในกรณีที่ไม่สามารถใช้ที่ดินในการประกอบการกู้เงินได้ และหาแนวทางมาตราการการป้องกันการสวมสิทธิ์ในการนำไม้จากป่าภายนอกเข้ามาสวมสิทธิ์ในพื้นที่ป่าชุมชน พร้อมทั้งจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานให้กับพื้นที่ที่จะเข้าร่วมโครงการ

ข่าวทั้งหมด

X