ผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติเอกฉันท์ในการคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมระหว่างวันที่ 30-31 ม.ค.67 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 22 ปี
การประกาศคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 4 หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 11 ครั้งนับตั้งแต่ที่เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อเดือนมี.ค.65 ส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวม 5.25%
เฟดส่งสัญญาณว่ายังไม่มีแผนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงกว่าเป้าหมายของเฟด จนกว่าจะมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นว่าอัตราเงินเฟ้อจะเคลื่อนสู่ระดับเป้าหมายที่ยั่งยืน 2%
การพิจารณาปรับช่วงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น คณะกรรมการ FOMC จะประเมินข้อมูลที่ได้รับอย่างระมัดระวัง รวมทั้งแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไป และสร้างความสมดุลต่อความเสี่ยง
นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด เตือนว่า การต่อสู้ของเฟดในการลดอัตราเงินเฟ้อยังไม่สิ้นสุด ส่วนการคาดหมายว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.67 ยังไม่น่าเป็นไปได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของเฟดต้องการเห็นข้อมูลเงินเฟ้อที่ดีอย่างต่อเนื่อง จึงจะมั่นใจว่าถึงเวลาเหมาะสมสำหรับปรับลดดอกเบี้ย
นายไมเคิล บราวน์ นักวิเคราะห์ตลาด กล่าวว่า เป็นที่ชัดเจนว่าเฟดไม่รีบร้อนที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงิน
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดลบ วันพุธ(31ม.ค.67) หลังจาก เฟดคงอัตราดอกเบี้ย ขณะที่เน้นย้ำว่าแม้มีความคืบหน้าด้านเงินเฟ้อ แต่ความเสี่ยงต่างๆยังคงมีอยู่ ดังนั้นจึงยังไม่มีแผนปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้
-ดาวโจนส์ ลดลง 317.01 จุด (0.82%) ปิดที่ 38,150.30 จุด
-เอสแอนด์พี ลดลง 79.32 จุด (1.61%) ปิดที่ 4,845.65 จุด
-แนสแดค ลดลง 345.89 จุด (2.23%) ปิดที่ 15,164.01 จุด
#เฟด
#คงดอกเบี้ย
#หุ้นดาวโจนส์
แฟ้มภาพ