กรณีสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เปิดเผยเหตุระบบ ตม.ล่ม กระทบต่อปริมาณผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเฉพาะขาออก ซึ่งผู้โดยสารต้องรีบขึ้นเครื่องในช่วงเวลาจำกัด ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ พลตำรวจเอก วิสนุ ปราสาททองโอสถ ประธานกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) ได้ลงพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อตรวจสอบเหตุดังกล่าว พร้อมด้วย ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT และนายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยได้เดินตรวจพื้นที่ ตม.ขาออก และ ขาเข้า ตม. เบื้องต้นได้รับรายงานจาก พลตำรวจตรี เชิงรณ ริมผดี ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 (ผบก.ตม.2) ว่า ระบบตรวจคนเข้าเมือง (Biometrics) เกิดขัดข้องตั้งแต่ เวลา 04.30 น.ของวันที่ 24 มกราคม 2567 เกิดความหน่วงที่คอมพิวเตอร์ช่องตรวจ ตม. ส่งผลให้การตรวจหนังสือเดินทางใช้เวลามากกว่าปกติ จากเดิมใช้เวลานับแต่ยื่นหนังสือเดินทางให้เจ้าหน้าที่จนตรวจสอบและประทับตราเสร็จไม่เกิน 45 วินาทีต่อคน กลับต้องใช้เวลากว่า 1 นาทีต่อคน ในขณะที่ระบบส่งผลต่อช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ หรือ Automatic channels ไม่สามารถตรวจได้ ทำให้ในช่วงเวลาที่มีเที่ยวบินขึ้นลงหนาแน่น โดยเฉพาะผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเกิดการสะสมอย่างรวดเร็ว แถวยาวล้นมาถึงจุดตรวจค้นสัมภาระอย่างรุนแรง โดยทางศูนย์เทคโนโลยีตรวจคนเข้าเมืองซึ่งควบคุมระบบเทคโนโลยีดังกล่าว ให้เร่งแก้ไขโดยด่วน
ขณะเดียวกัน ผบก.ตม.2 ได้สั่งการให้ ตม.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งได้รับผลกระทบมากที่สุด แก้ปัญหาตามแผนเผชิญเหตุกรณีระบบล่มตามรหัส Com Down โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตรวจสอบด้วยระบบ Manual และ ใช้ระบบ APPS ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คัดกรองบุคคลที่อาจมีหมายจับ และ overstay เพื่อเร่งระบายผู้โดยสารโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้กระทบต่อการขึ้นเครื่อง ทำให้ความหนาแน่นเริ่มคลี่คลาย แต่ยังสะสมต่อเนื่อง
พลตำรวจเอก วิสนุฯ จึงได้แนะนำทาง ตม.2 ให้ปรับวิธีการบันทึกแบบ manual โดยใช้ภาพถ่ายเพื่อให้เร็วขึ้น และให้ทาง AOT จัดพนักงานสนับสนุนอำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสาร เช่น แจกจ่ายน้ำดื่ม และช่วยคัดแยกผู้โดยสารที่เสี่ยงขึ้นเครื่องไม่ทัน เพื่อจัดช่อง priority ตรวจหนังสือเดินทางก่อนเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ล่าสุด ได้รับรายงานว่า ระบบ ตม.สามารถกลับมาใช้งานปกติได้แล้ว เมื่อเวลา 13.30 น.
#เร่งแก้ปัญหา
#ตรวจคนเข้าเมืองขัดข้อง