ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครขอสรุปผลการตรวจวัด PM2.5 เวลา 12.00-14.00 น. (3 ชั่วโมงล่าสุด)
- ตรวจวัดได้ 46.6-82.5 มคก./ลบ.ม.
- ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 60.8 มคก./ลบ.ม.
- ค่า PM2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีแดง มีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 7 พื้นที่ คือ 1.เขตบางกอกน้อย 2.เขตภาษีเจริญ 3.เขตทวีวัฒนา 4.เขตหนองแขม 5.เขตธนบุรี 6.เขตบางขุนเทียน 7.เขตบางบอน
และอยู่ในระดับสีส้มเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 62 พื้นที่
ด้านLine Alerts เตือนสภาพอากาศ พบว่า สภาพอากาศที่นิ่งและปิดต่อเนื่อง ทำให้ PM2.5 ในพื้นที่ จำนวน 7 เขต คือ เขตทวีวัฒนา ธนบุรี บางกอกน้อย บางขุนเทียน หนองแขม มีระดับมากกว่า 75 มคก./ลบ.ม. ประชาชนควรงดกิจกรรมกลางแจ้ง หรือสวมหน้ากากอนามัย ป้องกันฝุ่นตลอดเวลา หากต้องทำกิจกรรมนอกบ้าน หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ ผู้มีโรคประจำตัว เตรียมยาประจำตัวให้พร้อม ติดตามข้อมูลฝุ่นเพิ่มเติมได้ที่ แอปพลิเคชั่น AirBKK
ก่อนหน้านี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงสถานการณ์ฝุ่นในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า ในช่วงนี้สถานการณ์อาจดูรุนแรงแต่จะค่อย ๆ ดีขึ้นใน 2-3 วัน ซึ่งมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องได้แก่ ลมอ่อน โดยมีความเร็วลมอยู่ที่ 6 กิโลเมตร/ชั่วโมง การระบายอากาศค่อนข้างไม่ดี เกิดภาวะอากาศปิดใกล้ผิวพื้น ส่งผลให้เกิดการสะสมของฝุ่นละอองเพิ่มขึ้น เนื่องจากการระบายฝุ่นละอองเป็นไปอย่างจำกัด โดยฝุ่นมาจากหลายสาเหตุ คือ จากรถยนต์ส่วนหนึ่งและจากการเผาชีวมวล ในปีนี้จะเห็นว่ามีการเผาชีวมวลเร็วกว่าปีที่แล้ว พบจุด Hotspot เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ Hotspot ในภาคกลาง ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้วคิดเป็น 107% และเริ่มเห็น Hotspot ในประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ต้องประสานงานกับหลาย ๆ ภาคส่วน เชื่อว่ารัฐบาลก็ตื่นตัวกับเรื่องนี้ โดยได้มีการประสานงานตลอด
อย่างไรก็ตาม หากประชาชนมีสภาวะเปราะบางทางการหายใจก็ควรที่จะใส่หน้ากากสำหรับป้องกันฝุ่น PM2.5 ก่อนออกจากบ้าน ในส่วนของกลุ่มคนเปราะบางกรุงเทพมหานครมีหน่วยแพทย์ที่ดูแลในส่วนนี้อยู่โดยเฉพาะ รวมทั้งมีการลงชุมชนเข้าไปแจกหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่น PM2.5 ให้คนเปราะบางในชุมชนด้วย
สำหรับแคมเปญ “รถคันนี้ลดฝุ่น” ถ้าเปลี่ยนน้ำมันเครื่องกับภาคีเครือข่ายที่ร่วมแคมเปญจะได้รับสติกเกอร์มาติดที่รถ และได้รับสิทธิ์จอดรถฟรีเพิ่ม เช่น เซ็นทรัล ให้สิทธิ์จอดรถฟรีเพิ่ม 2 ชั่วโมง เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีรถเข้าร่วมแคมเปญประมาณ 50,000 คัน ตอนนี้ตัวเลขน่าจะเพิ่มขึ้น นี่เป็นวิธีหนึ่งที่จะมีส่วนร่วมในการช่วยลดฝุ่น PM2.5 โดยเฉพาะรถเก่า ถ้าเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองจะช่วยลดฝุ่น PM2.5 ได้มากกว่าเท่าตัว
ปัจจุบันมีค่ายรถและภาคเอกชนเข้าร่วมค่อนข้างเยอะ เป็นการช่วยกันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะรถยนต์ดีเซลหรือรถรุ่นเก่าสามารถเปลี่ยนได้ก่อนถึงแม้ยังไม่ถึงเวลาเปลี่ยน เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่สภาวะสภาพอากาศที่วิกฤต อยากฝากให้ทุกคนช่วยกัน เพราะทุกคนสามารถเป็นผู้ดูแลอากาศในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้
#ฝุ่นพีเอ็มสองจุดห้า
#มลภาวะทางอากาศ
#กรุงเทพมหานคร