ภาวะเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศยุโรป สำนักงานสถิติแห่งชาติของฝรั่งเศส (INSEE) เปิดเผยในวันนี้ (12 ม.ค.) ว่า อัตราเงินเฟ้อของฝรั่งเศสในเดือนธ.ค. 2566 ปรับตัวขึ้นเป็นร้อยละ 4.1 เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคในเดือนพ.ย.ออกมาสูงเกินคาด ตรงกับตัวเลขอัตราเงินเฟ้อเบื้องต้นที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อในเดือนธ.ค.เพิ่มสูงขึ้นจากระดับร้อยละ 3.9 ในเดือนพ.ย. โดยสาเหตุส่วนใหญ่มาจากราคาพลังงานและราคาสินค้าในภาคบริการที่สูงขึ้น
อัตราเงินเฟ้อเหล่านี้เป็นตัวเลขที่ได้รับการปรับค่าให้สามารถเทียบกับสหภาพยุโรป (EU) ขณะเดียวกัน การใช้จ่ายของผู้บริโภคในฝรั่งเศสเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์จากผลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่าจะลดลงร้อยละ 0.1
เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรขยายตัวดีกว่าที่คาดการณ์เล็กน้อยในเดือนพ.ย. 2566 แต่ความอ่อนแอทางเศรษฐกิจในช่วงเดือนก่อน ๆ ทำให้มีความเสี่ยงสูงที่ประเทศจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อนายกรัฐมนตรีริชี ซูนัค ก่อนการเลือกตั้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้
สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ONS) รายงานข้อมูลในวันนี้ (12 ม.ค.) ว่า เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหราชอาณาจักรขยายตัวร้อยละ 0.3 ในเดือนพ.ย. หลังจากลดลง ร้อยละ0.3 ในเดือนต.ค. ดีกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์จากผลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์ที่คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 0.2
เมื่อเทียบเป็นรายปี GDP ของสหราชอาณาจักรขยายตัวร้อยละ 0.2 ในเดือนพ.ย. และเติบโตจากปี 2562 เพียงร้อยละ 2.5
เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรมีปัญหาในการสร้างโมเมนตัมในปีที่แล้ว เนื่องจากครัวเรือนได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเร็วและอัตราดอกเบี้ยธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ที่สูงที่สุดในรอบ 15 ปี เมื่อเดือนพ.ย. 2566 สำนักงานรับผิดชอบงบประมาณของรัฐบาลอังกฤษ (OBR) คาดการณ์ว่า GDP จะเติบโตร้อยละ 0.6 ในปี 2566 และร้อยละ 0.7 ในปี 2567 ซึ่งจะส่งผลเสียต่อนายกฯ ซูนัคที่คาดว่าจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้