บริษัทของญี่ปุ่นหลายแห่งรวมถึงบริษัท อีสต์ เจแปน เรลเวย์ (East Japan Railway Co) แจ้งถอนตัวออกจากโครงการรถไฟความเร็วสูงมาเลเซีย-สิงคโปร์ เนื่องจากเป็นโครงการที่มีความเสี่ยงเกินไป หากไม่ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาลมาเลเซีย
การถอนตัวออกจากโครงการ อาจกลายเป็นการเสริมความสามารถของจีนในโครงการพื้นฐานเอเชียตะวันออก หลังจากที่การก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงในอินโดนีเซียเสร็จในปี 2566 และกำลังสร้างอีกแห่งในประเทศไทย
ที่ผ่านมา รัฐบาลและบริษัทต่างๆ ของญี่ปุ่นต่างคาดหวังว่าจะมีการใช้ระบบรถไฟหัวกระสุนชินคันเซ็นของญี่ปุ่นในโครงการนี้ โดยในวันจันทร์หน้า (15 ม.ค.67) จะเป็นกำหนดเวลาในการยื่นเสนอราคา ตามที่รัฐบาลมาเลเซียประกาศไว้ คาดว่าจะใช้งบประมาณ 1 แสนล้านริงกิต (ประมาณ 750,000 ล้านบาท) แต่รัฐบาลมาเลเซียตั้งใจที่จะส่งเสริมโครงการนี้ผ่านการจัดหาเงินทุนภาคเอกชน แทนที่จะให้อยู่ในงบประมาณใช้การใช้จ่ายของรัฐบาล หรือขยายการค้ำประกันหนี้ และรัฐบาลมาเลเซียจะเริ่มการเจรจาอย่างเต็มรูปแบบกับรัฐบาลสิงคโปร์ในปลายปีนี้อย่างเร็วที่สุด
รัฐบาลมาเลเซียและสิงคโปร์เริ่มการเจรจาข้อตกลงพื้นฐานในปี 2556 เพื่อก่อสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงความยาว 350 กิโลเมตร ที่จะช่วยลดเวลาการเดินทางระหว่าง 2 ประเทศให้เหลือเพียง 90 นาที เมื่อเทียบกับเส้นทางเดิมที่เดินทางโดยรถยนต์ใช้เวลาเดินทางนานกว่า 4 ชั่วโมง
ต่อมาบริษัทอีสต์ เจแปน เรลเวย์ และบริษัทซูมิโตโม (Sumitomo Corp) ที่เป็นบริษัทการค้ารายใหญ่อย่างซูมิโตโม แสดงความสนใจในการเข้าร่วมโครงการ ในปี 2558 รัฐบาลญี่ปุ่นในขณะนั้นได้นำเสนอระบบชินคันเซ็นแก่มาเลเซีย
แต่ในปี 2564 นายกรัฐมนตรี มูห์ยิดดิน ยัสซิน ของมาเลเซียแจ้งยกเลิกโครงการนี้เนื่องจากความกังวลเรื่องภาระทางการเงิน จนมาถึงรัฐบาลชุดปัจจุบันของนายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม ที่ได้รื้อฟื้นโครงการกลับมาอีกครั้ง
..
#โครงการรถไฟความเร็วสูงมาเลเซีย
#ญี่ปุ่น
#สิงคโปร์