คดีแรงงานไทยถูกหักค่าหัวคิวในการเดินทางไปทำงานในสาธารณรัฐฟินแลนด์ หลังจากคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ นำโดยกองคดีการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) และพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะพนักงานอัยการที่อัยการสูงสุดมอบหมายให้ร่วมสอบสวน มีมติร่วมกันกล่าวหา อดีตข้าราชการฝ่ายการเมืองระดับรัฐมนตรี 2 คน และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน อีก 2 คน รวมทั้งหมด 4 คน ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 86 โดยจะเร่งสรุปสำนวนการสอบสวนส่งสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช.) เพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ต่อไป
DSIได้รับหนังสือจากกระทรวงการต่างประเทศ ว่า กระทรวงการต่างประเทศ และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮลซิงกิ ได้ให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยในสาธารณรัฐฟินแลนด์ ที่เดินทางไปทำงานเก็บผลไม้ป่าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ในการเดินทางกลับประเทศไทย จึงเสนอสำนวนการสอบสวนไปที่อัยการสูงสุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20 และอัยการสูงสุดได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษทำการสอบสวนต่อไป และอัยการสูงสุดได้มอบหมายพนักงานอัยการมาร่วมสอบสวน ซึ่งมีการขอความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญาเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานจากสาธารณรัฐฟินแลนด์ในความผิดฐานค้ามนุษย์ ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต่อมาทางการสาธารณรัฐฟินแลนด์ได้ส่งพยานหลักฐานสำคัญตามที่ทางการไทยร้องขอให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ
จากการสอบสวนของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด และพยานหลักฐานที่ได้จากความร่วมมือระหว่างประเทศกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสาธารณรัฐฟินแลนด์ ปรากฏข้อเท็จจริงว่ามีขบวนการสมคบระหว่างนักการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐ และบุคคลธรรมดา ร่วมกันเรียกรับผลประโยชน์จากบริษัทผู้ประสานงานฝั่งไทยที่ทำหน้าที่ประสานงานกับบริษัทที่จะนำเข้าแรงงานของสาธารณรัฐฟินแลนด์ เป็นค่า “หัวคิว” (DOE MAMAGEMENT) หรือค่าดำเนินการ เฉลี่ยรายละ 3,000 บาท โดยไม่มีสิทธิเรียกเก็บตามกฎหมาย ซึ่งบริษัทประสานงานฝั่งไทยได้นำมาเรียกเก็บจากคนงานที่ไปทำงานอีกชั้นหนึ่งนอกเหนือจากค่าใช้จ่ายตามจริง โดยในปี พ.ศ. 2563-พ.ศ. 2566 ซึ่งเป็นช่วงดำเนินคดี มีผู้อยู่ในข่ายต้องเสียค่าใช้จ่ายดังกล่าว รวมประมาณ 12,000 คน คิดเป็นเงินรวมประมาณ 36 ล้านบาท จึงดำเนินการฟ้องร้องตามขั้นตอน
ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ยืนยันว่า เราไม่ได้เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ และพร้อมยืนยันการทำงานด้วยความบริสุทธิ์ เพราะการเดินทางไปทำงานต่างประเทศของแรงงานทุกคนเดินทางไปทำงานด้วยความถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนที่แจ้งว่ามาจ่ายให้กระทรวงแรงงานนั้น เราไม่ทราบ ได้สั่งการให้กรมการจัดหางาน เก็บรวบรวมข้อมูลรายละเอียดต่างๆ เพื่อชี้แจงและให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับ DSI และ ป.ป.ช. เรียบร้อยแล้ว ทั้งข้อมูลการเดินทางตั้งแต่ปี 2563-2566 ว่าแรงงานไปทำงานที่ส่วนไหนของฟินแลนด์บ้าง เสียค่าใช้จ่ายไปเท่าไหร่ นายจ้างชื่ออะไร และเสีย 3,000 บาท ให้กับใคร เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกกล่าวหานั้นมีความชัดเจนขึ้น ซึ่งต้องดูข้อเท็จจริง
ปลัดกระทรวงแรงงาน ระบุว่า จากประเด็นเมื่อปี 2565 ที่มีปัญหาเพราะแรงงานไทยเดินทางไปทั้งสวีเดน ฟินแลนด์ รวมกันประมาณ 8,000 คน โดยในแต่ละปีเราสามารถตรวจสอบรายชื่อแรงงานได้ ซึ่งปกติแรงงานจะเสียค่าใช้จ่ายในการไปทำงานเพียงคนละ ประมาณ 30,000 บาท
#หักหัวคิว
#แรงานไทยไปฟินแลนด์
CR:ขอบคุณข้อมูล-ภาพ DSI กรมสอบสวนคดีพิเศษ,กระทรวงแรงงาน