กกร.นัดหารือ10 ม.ค.ปมดอกเบี้ย หากลดได้อีก ช่วยลดภาระประชาชน

09 มกราคม 2567, 10:15น.


            หลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง โพสต์ข้อความทาง x ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องและคงอยู่ระดับ 2.50% ต่อปี ขณะที่ สถานการณ์เงินเฟ้อในประเทศไทยติดลบติดต่อกันหลายเดือน


             นายเศรษฐา กล่าวว่า จริงๆ แล้วเราก็พูดคุยกันตลอดอยู่แล้วในเรื่องนี้ และเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ย จุดยืนของตนก็ชัดเจนว่าไม่เห็นด้วย แต่แบงก์ชาติ ก็มีอำนาจในการขึ้น ซึ่งสิ่งที่ได้โพสต์ข้อความไป เกี่ยวกับเรื่องสินค้าการเกษตร พืชผลต่างๆ ที่อยากให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลไม่ให้ต่ำลงไป เพราะถ้าต่ำเกินไปก็จะลำบาก หลังจากนี้ไปก็จะมีการพูดคุยกับผู้ว่าฯธปท.


             นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในมุมมองด้านวิชาการ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมาถือเป็นความพยายามของ ธปท.ในการสกัดเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง ตลอดจนรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาทที่อ่อนค่ามากในช่วงปีที่แล้ว ขณะเดียวกัน ยังเป็นการลดช่องว่างของอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐฯกับไทย เพื่อไม่ให้ห่างกันมากจนเกินไป ซึ่งต้องยอมรับว่าส่งผลกระทบโดยตรงกับต้นทุนกู้ยืมของผู้ประกอบการและประชาชนในระดับหนึ่ง ในมุมของหอการค้ายังเห็นว่าหากธนาคารสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจะช่วยลดภาระประชาชน ลดต้นทุนผู้ประกอบการและช่วยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้สะดวก ช่วยเร่งให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้วันพุธที่ 10 ม.ค.67 นี้ กกร.คงจะมีการหารือในประเด็นดังกล่าวว่าจะนำเสนออย่างไรต่อไป


           ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หลายฝ่ายยังคงติดตามสัญญาณของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงใด ซึ่งหอการค้า มองว่า อัตราดอกเบี้ยไทยในปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสมและพอรับได้ ซึ่งหวังว่า ธปท.จะยังไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว และหาก Fed มีการปรับลดดอกเบี้ยเมื่อไหร่ ก็เชื่อว่า ธปท.คงจะมีการปรับลดดอกเบี้ยให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของเศรษฐกิจไทยต่อไป


            ประเด็นตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปที่ติดลบต่อเนื่อง 3 เดือน หอการค้า เชื่อว่า ส่วนนี้น่าจะมาจากการปรับลดเชิงเทคนิค ตามนโยบายการลดภาระค่าของชีพด้านพลังงานของภาครัฐทั้งค่ากระแสไฟฟ้าและราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ประกอบกับ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลงซึ่งในส่วนของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังมีการปรับขึ้นเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าไทยยังคงพอมีกำลังซื้ออยู่บ้าง โดยเงินเฟ้อทั่วไปปี 66 อยู่ที่ 1.23% ขณะที่ นโยบายการคลังที่รัฐบาลกำลังดำเนินการทั้งการยกเว้นวีซ่าเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว, Easy E-Receipt, รวมถึงการผลักดันโครงการ Digital Wallet จะมีส่วนช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและคาดว่าปี 67 อัตราเงินเฟ้อน่าจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 2.0-2.5% ซึ่งอยู่ในกรอบที่กระทรวงการคลังและ ธปท.ดูแลไว้ที่ 1-3%


 


#ลดดอกเบี้ย


#แบงก์ชาติ


#หอการค้า


แฟ้มภาพ 


 
ข่าวทั้งหมด

X