จากกรณีที่พบชาวโรฮิงญาประมาณ 300 คน ลอยเรือเข้ามาในเขตน่านน้ำรอยต่อไทย มาเลเซียฝั่งจังหวัดสตูล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวว่า ได้มีการสอบถามความสมัครใจของชาวโรฮิงญาเหล่านั้นแล้วซึ่งยืนยันที่จะไม่ขึ้นฝั่งไทย ซึ่งรัฐบาลไทยก็ได้ให้ความข่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมเรื่องของอาหาร แต่ยอมรับว่าเป็นห่วงชาวโรฮิงญาเหล่านั้นว่าจะไปขึ้นฝั่งที่ประเทศใด ซึ่งถ้าหากเข้ามาในเขตน่านน้ำไทยแล้วจะผลักดันออกไปไม่ได้ เพราะเป็นการเข้าเมืองผิดกฎหมาย จะต้องนำขึ้นฝั่งและควบคุมตัว ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นมาหลาย 10 ปี ซึ่งบางครั้งมีการเจาะเรือ จมให้เขัาฝั่งไทย ซึ่งเป็นปัญหาที่สะสมมานาน ดังนั้นเรื่องนี้จะต้องให้องค์กรสากล สิทธิมนุษยชน และสหประชาชาติเข้ามาร่วมแก้ปัญหาด้วย และไทยไม่สามารถตั้งศูนย์พักพิงได้ เพราะขณะนี้ไทยมีศูนย์อพยพถึง 9 ศูนย์แล้ว ดังนั้นพื้นที่ควบคุมโรฮิงญาอาจจะตั้งหรือไม่ตั้งก็ได้ซึ่งกำลังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา เพราะจะมีปัญหาตามมาอีกมาก ทั้งเรื่องงบประมาณ และอาชีพ ส่วนการแก้ปัญหาจะต้องไปแก้ที่ประเทศต้นทางดีกว่าจะมาแก้ที่ปลายเหตุ ขณะที่ประเทศที่ 3 ก็ไม่มีใครอยากรับโรฮิงญา ดังนั้นในการประชุมว่าด้วยการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดีย วันที่ 29 พ.ค.นี้จะต้องพูดคุยเรื่องนี้ให้ชัดเจน ส่วนเมียนมาซึ่งเป็นประเทศต้นทางโรฮิงญาจะไม่เข้าร่วมประชุม ไทยก็ไม่สามารถบังคับได้ ขณะเดียวกันขอความร่วมมือสื่อมวลชนให้ระมัดระวังในการนำเสนอข่าว อย่าให้องค์กรสากลมากดดันไทย แทนที่จะไปกดดันประเทศต้นทาง
วิรวินท์