อัยการชี้แจงเหตุตีกลับสำนวนคดีเยาวชนก่อเหตุกราดยิง ขณะที่ตร.เดินหน้าทำคดีต่อ

          กรณีอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีเยาวชนและครอบครัว ส่งคืนสำนวนของพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ซึ่งกล่าวหาว่า เยาวชนอายุ 14 ปี ตกเป็นผู้ต้องหาในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหาอื่นๆ รวม 5 ข้อหา จากการก่อเหตุกราดยิงเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566

          นาย ประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ในการตรวจสำนวนคดี ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้ต้องหายังมีอาการป่วย และเป็นคนไข้ของสถาบันกัลยาราชนครินทร์มาโดยตลอด มีใบรับรองประเมินผลการตรวจรักษา ซึ่งเป็นการยืนยันว่าผู้ต้องหายังไม่สามารถต่อสู้คดีได้และพนักงานสอบสวนเข้าสอบปากคำผู้ต้องหาโดยไม่รอผลวินิจฉัยจากแพทย์ จึงต้องตีกลับสำนวนไปให้ทางพนักงานสอบสวนเพื่องดการสอบสวนไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 14 ซึ่งเป็นการรอกระบวนการบำบัดรักษาจากแพทย์ ตรวจผู้ต้องหาว่าอยู่ในภาวะปกติ และสามารถต่อสู้คดีได้แล้ว ภายในอายุความ 20 ปีเมื่อการสอบสวนชอบด้วยกฏหมายและสอบสวนเสร็จแล้วค่อยส่งสำนวนให้พนักงานอัยการเพื่อพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมายอีกครั้ง

          โดยในวันที่ 11 มกราคมที่จะถึงนี้ คณะกรรมการตรวจรักษาจะมีการประชุมเพื่อประเมินอาการของผู้ต้องหาอีกครั้ง แต่การควบคุมตัวตามกฎหมายจะครบกำหนดระยะผัดฟ้องครั้งสุดท้ายในวันที่ 31 ธันวาคม 2566 นี้ แพทย์และคณะกรรมการตรวจรักษาผู้ต้องหา จะไปพบผู้ปกครองของผู้ต้องหา และจะมีการแจ้งว่าเยาวชนยังมีอาการป่วยอยู่ทางทีมที่บำบัดรักษาจะขอรับตัวไปบำบัดรักษาต่อ หากผู้ปกครองอนุญาต แพทย์ก็จะรับตัวกลับไปเป็นคนไข้เพื่อรักษาต่อตามปกติ แต่หากไม่อนุญาตก็จะมีการประเมินเรื่องการดูแลผู้ต้องหาเพื่อป้องกันอันตรายสำหรับตัวผู้ต้องหาเอง และสังคม

          พ.ต.อ.จิรพัฒน์ พรหมสิทธิการ รอง ผบก.น.6 เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลวินิจฉัยจากแพทย์เพิ่มเติมว่าเยาวชนพร้อมจะต่อสู้คดีได้เมื่อไหร่จึงจะเริ่มมีการสอบปากคำเพิ่มเติม และสรุปสำนวนส่งอีกครั้งหนึ่ง และชี้แจงว่า ในการที่พนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำก่อนหน้านี้ได้รับอนุญาตจากแพทย์เจ้าของไข้แล้ว ไม่ได้เข้าไปแบบพลการ หรือผิดขั้นตอนแต่อย่างใด โดยมีหนังสือแจ้งมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ว่าแพทย์อนุญาตให้ไปสอบปากคำและการสอบปากคำมีทั้งอัยการ 3 คน วิชาชีพและทนายความ ซึ่งเด็กสามารถตอบโต้ได้ทั้งหมด ตามความเห็นของพนักงานสอบสวนจึงสรุปว่าผู้ก่อเหตุสามารถต่อสู้คดีได้

          ส่วนกรณีที่จะครบกำหนดผัดฟ้องในวันที่ 31 ธันวาคม นี้ ทางพนักงานสอบสวนได้ร่างหนังสือถึงสถาบันกัลยาราชนครินทร์ ขอให้รับตัวรักษาไปจนกว่าอาการจะทุเลา หรือจนกว่าจะต่อสู้คดีได้ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายที่รองรับ

...

#เยาวชนก่อเหตุกราดยิง

#อัยการ

#ปทุมวัน