การดำเนินมาตราการสกัดกั้นลักลอบนำเข้าและส่งออกงาช้างของทางการไทย หลังจากที่กลุ่มประเทศเครือข่ายภาคีอนุสัญญาไซเตส ได้แจ้งเตือนไทยหากไม่มีการแก้ไขอย่างจริงจัง จะถูกคว่ำบาตรสินค้าเชิงพาณิชย์ของไทยทุกประเภท ที่จะส่งไปยังกลุ่มประเทศในอนุสัญญาไซเตส
พล.ต.ต.ประสพโชค พร้อมมูล ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระผิดเกี่ยวกับทรัพยากรณ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยก่อนการประชุมปราบปรามการค้างาช้างที่มีพล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นประธานการประชุมว่า นโยบายของรัฐบาลที่ให้มีการเข้มงวดในการปราบปรามการค้างาช้างบ้าน งาช้างที่ผิดกฏหมาย และการลักลอบการนำเข้างาช้างแอฟริกาขณะนี้ได้มีการตั้งคณะทำงานการปราบปรามการค้างาช้างขึ้นมา 3ชุด คือ ชุดจากส่วนกลางแบ่งเป็นชุดย่อย 3 ชุด ,จากกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดทางทรัพยากรณ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแบ่งออกเป็น 6 ชุด ,และชุดในการตรวจในพื้นที่แบ่งเป็น 12ชุด โดยทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการอย่างจริงจัง พร้อมทำงานควบคู่กับเจ้าหน้าที่ของไซเตสที่เข้ามาทำงานตรวจสอบในไทย ซึ่งจากที่ได้รับการแจ้งอย่างไม่เป็นทางการจากเจ้าหน้าที่ของไซเตส ก็ทราบว่าผลการดำเนินการของไทยได้ผลเป็นที่น่าพอใจของทางไซเตส และคาดว่าไทยจะไม่ถูกคว่ำบาตรการส่งออกสินค้าจากไซเตส แต่อย่างไรก็ตามในส่วนของการรวบรวมข้อมูลการดำเนินการทั้งหมดที่จะส่งไปให้ทางไซเตสประเมิน ขณะนี้ประเทศไทยกำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อดำเนินการส่งไปให้ประเมิณอย่างเป็นทางการต่อไป
ผลการทำงานของทางการไทย สามารถจับกุมการลักลอบนำเข้างาช้างแอฟริกาผิดกฏหมายล็อตใหญ่ได้ 3ครั้ง และการจากที่เปิดให้ผู้ที่ครอบครองงาช้างมาขึ้นทะเบียนตลอด 3เดือนจนถึงเมื่อวันที่21เม.ย.า มีผู้มาขึ้นทะเบียนทั้งหมด 3หมื่นกว่าราย หรือคิดเป็นน้ำหนักกว่า 3หมื่นกิโลกรัม