ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยคดีหมิ่นเบื้องสูง หมายเลขดำ อ.1666/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้องนายเสฏฐวุฒิ หรือ“ติ๊ก” เพ็งดิษฐ์ อายุ 52 ปี อาชีพนายหน้าค้าที่ดิน น้องชายนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ.) และนายบุญธรรม หรือ “ป๋าชื่น โคลอนเซ่” บุญเทพประทาน อายุ 65 ปี นักธุรกิจด้านที่ดิน ร่วมกันเป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 กรณีนำที่ดินบริเวณเขาหนองเชื่อม ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา มีบางส่วนที่สภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชัน บางส่วนเป็นเป็นพื้นที่ทับซ้อนกับที่ดินที่ทางฝ่ายทหารมีหนังสือขอใช้พื้นที่อย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ.2534 และบางส่วนเป็นพื้นที่ที่คณะกรรมการจัดสรรดินแห่งชาติกันไว้เพื่อใช้เป็นพื้นที่ทดแทนพื้นที่ต้นน้ำ ซึ่งไม่สามารถออกเป็นโฉนดที่ดินได้ มาขอออกโฉนดที่ดินเพื่อจัดสรรจำหน่ายให้กับผู้ที่ต้องการซื้อที่ดินไปปลูกบ้านพักตากอากาศในราคาสูง เพื่อทำกำไรได้มากๆ โดยจำเลยที่ 2 ได้ร่วมมือกับจำเลยที่ 1 ให้ไปดำเนินการขอออกโฉนดที่ดินบริเวณดังกล่าวเนื้อที่หลายร้อยไร่ ซึ่งจำเลยที่ 2 พูดกับจำเลยที่ 1 บางตอนว่า จำเลยที่ 2 มีความสนิทสนมกับ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีต รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าของอดีตหม่อมศรีรัศมิ์(ขณะเกิดเหตุ) หากจำเลยที่ 1 มีปัญหา หรืออุปสรรคในขั้นตอนใด ๆ ในการขอออกโฉนดที่ดินให้บอกจำเลยที่ 2 ได้ทันที ทั้งนี้ถ้อยคำดังกล่าวของจำเลยที่ 2 เป็นการแอบอ้าง จาบจ้วง ล่วงเกิน ใส่ร้าย ใส่ความดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง เพื่อให้ตนเองสมประโยชน์
โดยศาลได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยทั้งสองฟังแล้วสอบถามว่าจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ ปรากฏว่า นายเสฏฐวุฒิ จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ส่วนนายบุญธรรม จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี
ศาลจึงพิพากษาเฉพาะในส่วนของจำเลยที่ 1 ว่ากระทำผิดจริง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จำคุก 5 ปี คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกไว้ 2 ปี 6 เดือน ส่วนนายบุญธรรม จำเลยที่ 2 ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความชั่วคราว และให้พนักงานอัยการโจทก์ ยื่นฟ้องคดีนายบุญธรรม เข้ามาใหม่ภายใน 7 วัน ตามกฎหมาย
CR: เนชั่น โฟโต้