การแก้ปัญหาการจราจรอย่างยั่งยืน ในวันนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ประธานพิธีเปิดโครงการ"ขับเคลื่อนจราจรไทยไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน Traffic Forward รวดเร็ว ปลอดภัย เข้าใจ ไปด้วยกัน" โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และได้รับความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จส.100และภาคีเครือข่าย เพื่อรณรงค์และเสริมสร้างจิตสำนึกด้านการจราจรให้แก่ประชาชน และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน โดยมีการขับเคลื่อนงานจราจร 4 ด้าน (F4) ได้แก่
1. "Forward Faster" ขับเคลื่อนด้านอำนวยการจราจรบนถนนอย่างรวดเร็ว โดยมีการนำ โดรน (Drone) บินตรวจสภาพการจราจร และส่งภาพไปยังศูนย์ควบคุมการจราจรเพื่อรายงานสภาพการจราจรและสั่งการแก้ไขปัญหาได้ทันที โดยนำร่องในจุดที่มีการจราจรหนาแน่น ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และจะขยายผลให้ครอบคลุมทุกจังหวัดต่อไป
2. "Forward Safer" ขับเคลื่อนด้านความปลอดภัยบนท้องถนน ใน 10 มาตรการเร่งด่วน Quick Win เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนบนท้องถนน ซึ่งจะมีการประเมินผลทุกไตรมาส
3. "Forward Attitude" ขับเคลื่อนด้านทัศนคติตำรวจ และประชาชน เพื่อให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยการปรับแนวคิดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามแนวคิด "เตือนก่อนปรับและปรับแบบเป็นขั้นบันใด" ผ่านช่องทาง Line Official ชื่อ"ขับดี"
4. "Forward Participation" ขับเคลื่อนด้านการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย เพื่อร่วมก้าวไปด้วยกันอย่างยั่งยืน โดยให้ประชาชนสามารถแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับงานจราจรผ่าน แอปพลิเคชั่น "Traffy Fondue" หรือ Facebook Page : "อาสาตาจราจร"
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ กล่าวถึงโครงการดังกล่าวว่า เป็นหนึ่งในนโยบาย Quick win ของทางรัฐบาลและเป็นนโยบายที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำกันมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญกับการเคารพกฎหมายจราจร คำนึงถึงความปลอดภัยบนท้องถนน ซึ่งนอกจากรณรงค์ขับขี่ปลอดภัยแล้ว ยังให้ความสำคัญกับการลดอุบัติเหตุบนท้องถนนที่ไม่เพียงเฝ้าระวังเฉพาะช่วงเทศกาล 7 วันอันตรายเท่านั้น แต่ประชาชนต้องมีจิตสำนึกการใช้รถใช้ถนนอยู่ตลอดทำให้เป็นวิถีชีวิตประจำวัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด พร้อมตั้งเป้าจะต้องลดอุบัติเหตุทางถนน ลดการสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บให้เห็นผลภายใน 3 เดือน และติดตามผลทุกไตรมาส
ผบ.ตร.ย้ำว่า การบังคับใช้กฎหมาย ทำเพื่อความปลอดภัยของประชาชน โดยตำรวจจะนำเทคโนโลยีเข้ามาร่วมในการปฏิบัติด้วย เช่น โดรนบินสำรวจสภาพการจราจร ระบบ AI เข้ามาตรวจจับทะเบียนรถที่ทำผิดกฎหมาย หรือทำผิดซ้ำซาก พร้อมเปิดอบรมประชาชนในโครงการอาสาตาจราจร เพื่อเข้ามาช่วยสนับสนุนการทำงานของตำรวจ นอกจากนี้ยังประสานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่น มาร่วมปฏิบัติ พร้อมยืนยันการบังคับใช้กฎหมาย เปรียบเทียบปรับผู้กระทำผิดกฎจราจร ค่าปรับจะถูกบริหารลงไปสู่ท้องถิ่นเพื่อจัดสรรนำไปปรับปรุงโครงสร้างการจราจร หรือ วิศวกรรมจราจร เช่น ปรับปรุงถนน เส้นทาง ป้ายแจ้งเตือน ซึ่งใช้แนวทางเดียวกันกับในต่างประเทศ
การบังคับใช้กฎหมายเข้มงวด รณรงค์ให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการขับขี่ปลอดภัย สังคมตั้งความหวังไว้ที่ตำรวจแต่ในความเป็นจริงเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องช่วยกัน และเป็นเรื่องเกี่ยวกับทัศนคติระหว่างประชาชนกับตำรวจ จึงต้องเดินหน้าขับเคลื่อนด้านทัศนคติของตำรวจกับประชาชนด้วย เพื่อให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยปรับแนวคิดของตำรวจให้ เตือนก่อนปรับและปรับเป็นขั้นบันไดผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ ชื่อ ขับดี ซึ่งเชื่อว่าการบังคับใช้กฎหมายควบคู่กับสร้างการรับรู้ ความเข้าใจให้กับประชาชนจะช่วยลดสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนลงได้
หลังจากเปิดโครงการฯ ได้มีการมอบรางวัล "โครงการอาสาตาจราจร" และรางวัล "คลิปวิดีโอสั้น การสร้างความปลอดภัยบนท้องถนน" ให้แก่ประชาชน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นเป็นการเสวนาด้านการจราจร นายอนุทิน ร่วมเสวนากับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ในหัวข้อ "ความร่วมมือระหว่างกระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องความปลอดภัยทางถนน" และ "การขับเคลื่อนจราจรไทยไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน" และในช่วงบ่ายเป็นการอบรมให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรทั่วประเทศ ในหัวข้อ "การบังคับใช้กฎหมายเพื่อความปลอดภัยทางถนน"
#ควบคุมจราจร
#อาสาตาจราจร