รอยเตอร์รายงานอ้างสุลต่าน อัล จาเบอร์ ประธานการประชุม COP28 และรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(UAE)ว่า ตัวแทนจากเกือบ 200 ประเทศบรรลุข้อตกลงในการประชุมซัมมิทว่าด้วยสภาพภูมิอากาศ COP28 ในนครดูไบ ในวันนี้ ให้ทั่วโลกเริ่มลดการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลทั่วโลกไปจนกระทั่งหยุดใช้โดยสิ้นเชิงภายในปีค.ศ 2050 หรือ ภายในปี พ.ศ. 2593 เพื่อป้องกันผลกระทบร้ายแรงจากการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ นับเป็นครั้งแรกที่สามารถบรรลุข้อตกลงเช่นนี้ และเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการสิ้นสุดของยุคแห่งการใช้น้ำมันในอีก 27 ปีข้างหน้า
ข้อตกลงนี้เสนอแนะให้ทั่วโลกเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตพลังงานทดแทนทั่วโลกขึ้นมาจากปัจจุบันราว 3 เท่าภายในปี 2573 พร้อมทั้งเร่งหาทางลดการใช้ถ่านหินและเร่งพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆเช่น เทคโนโลยีการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (carbon capture and storage หรือ CCS)เพื่อช่วยลดก๊าซเรือนกระจก และมลพิษเป็นศูนย์ในอนาคต ขั้นตอนจากนี้ไป หลังมีการลงนามในข้อตกลงแล้ว ประเทศต่างๆมีหน้าที่ที่จะต้องนำข้อตกลงนี้ไปปรับให้สอดคล้องกับนโยบายพลังงานและการลงทุนด้านพลังงานของแต่ละประเทศ
สุลต่าน อัล จาเบอร์ กล่าวถึงข้อตกลงนี้ว่า เป็นความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ แต่เพิ่มเติมว่า ความสำเร็จที่แท้จริงจะอยู่ที่การลงมือทำงานตามแผนนี้ให้ประสบความสำเร็จ เตือนต่อที่ประชุมว่า ผลสำเร็จต่างๆเราพิจารณาจากของผลของกระทำ ไม่ใช่ดูจากราคาคุย เพิ่มเติมว่าพวกเราจะต้องดำเนินมาตรการต่างๆที่จำเป็นคือ การปรับเปลี่ยนข้อตกลงนี้ไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรม
การบรรลุข้อตกลงนี้มีขึ้นหลังการเจรจา 2 สัปดาห์ มุ่งจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปถึงบรรดานักลงทุนและคณะผู้กำหนดนโยบายพลังงานของรัฐบาลว่า ประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลกมีจุดยืนเดียวกันเรื่องความประสงค์ที่จะหยุดใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลในอนาคต ซึ่งบรรดานักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ระบุว่าเป็นดุจความหวังสุดท้ายที่ทั่วโลกจะร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพื่อลดผลกระทบร้ายแรงต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศทั่วโลก
#การประชุมCOP28