*ทันสถานการณ์โลกเวลา06.30น.*

+++ตำรวจกรุงคาบูล ของอัฟกานิสถาน เปิดเผยว่าคนร้ายราว 3 - 5 คน พร้อมอาวุธ บุกเข้าไปในเกสต์เฮาส์ "พาร์ค พาเลซ โฮเตล" ในเขตโคโลลา พุชตา ซึ่งเป็นย่านที่ตั้งของสถานเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ และสำนักงานของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในกรุงคาบูล เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. ของคืนวันพุธ ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลาประมาณ 23.00 น. ตามเวลาประเทศไทย มีเสียงปืนดังออกมาเป็นระยะๆ เกสต์เฮาส์ดังกล่าวเป็นที่นิยมของทั้งลูกค้าชาวอัฟกานิสถานและชาวต่างชาติ คาดว่ามีพนักงานและลูกค้าบางส่วนถูกจับเป็นตัวประกันอยู่ภายใน แต่ยังไม่สามารถระบุจำนวนที่แน่ชัดได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่ไม่เปิดเผยชื่อกล่าวว่า ขณะเกิดเหตุมีคนอยู่ในเกสต์เฮาส์ราว 20 คน และมีคนบาดเจ็บอย่างน้อย 1 คน หลังการปิดล้อมโดยรอบบริเวณผ่านไปราว 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตัดสินใจลอบเข้าไปภายในและสามารถช่วยเหลือตัวประกันออกมาได้อย่างน้อย 16 คน คาดว่ายังติดค้างอยู่ภายในอีกนับสิบคน เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า กลุ่มคนร้ายบุกโจมตีก่อนงานแสดงคอนเสิร์ตที่มีแขกระดับวีไอพีมาร่วม จะเริ่มขึ้นเพียงไม่นาน ยังไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างความรับผิดชอบ

+++พลตรีโกเดฟรอยด์ นิยอมบาเรห์ ทหารระดับสูงของบุรุนดีกล่าวว่าทหารระดับสูงได้ปลดประธานาธิบดีปีแยร์ อึงกูรุนซีซา ในวันนี้หลังเกิดเหตุความไม่สงบเนื่องจากประธานาธิบดีพยายามจะลงเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 3 ระบุว่าเขาไม่ยอมรับการที่ประธานาธิบดีพยายาจะลงสมัครเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 3 เนื่องจากขัดต่อรัฐธรรมนูญของบุรุนดี กองทัพได้จัดตั้งคณะกรรมการกอบกู้ชาติขึ้นมาหนึ่งชุดประกอบด้วยทหารและตำรวจรวม 5 คน เพื่อทำหน้าที่บริหารประเทศไปก่อนในระยะนี้  มีรายงานว่าฝูงชนหลั่งไหลขึ้นไปบนท้องถนนในกรุงบูจุมบูรา ส่งเสียงเชียร์และยิงปืนเฉลิมฉลองภายในตัวเมือง แต่ก็ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีผู้ให้การสนับสนุนมากน้อยเพียงใดต่อการก่อรัฐประหารที่นำโดยพลตรีโกเดฟรอยด์

+++ด้านนายวิลลี ไนยามิตเว ผู้ช่วยประธานาธิบดี เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ความพยายามก่อรัฐประหารล้มเหลว ขณะเดียวกันก็มีคำยืนยันจากโฆษกรัฐบาลแทนซาเนีย ระบุว่าประธานาธิบดีปีแยร์  อยู่ระหว่างร่วมประชุมฉุกเฉินระดับภูมิภาคร่วมกับผู้นำชาติต่างๆในแทนซาเนีย ได้บินด่วนกลับบุรุนดีในทันที ในเวลาต่อมานายพลโกเดฟรอยด์ ได้สั่งปิดท่าอากาศยานในกรุงบูจุมบูรา รวมถึงแนวชายแดนทางภาคพื้น เพื่อสกัดความพยายามบินกลับประเทศของประธานาธิบดี

+++กลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส) อ้างบงการกลุ่มมือปืนใช้อาวุธปืนสั้นจู่โจมและกราดยิงรถบัสคันหนึ่งในเมืองการาจีของปากีสถานในวันพุธ ทำให้ชนกลุ่มน้อยมุสลิมชีอะห์อิสไมลีเสียชีวิต อย่างต่ำ 43 ศพ บาดเจ็บ13 คน หลังกลุ่มติดอาวุธเครือข่ายตอลิบาน อ้างความรับผิดชอบไปก่อนหน้า ทั้งนี้หากเป็นจริงก็นับเป็นปฏิบัติการโจมตีครั้งแรกของไอเอสในประเทศแห่งนี้    คำกล่าวอ้างของไอเอสที่โพสต์ลงบนทวิตเตอร์ กระพือความกังวลต่อการแผ่ขยายอิทธิพลออกไปในวงกว้างมากขึ้นของนักรบญิฮัดกลุ่มนี้ที่มีฐานในอยู่ตะวันออกกลาง ตำรวจปากีสถาน ยังพบใบปลิวที่อ้างว่าไอเอสอยู่เบื้องหลัง ตกอยู่ในจุดเกิดเหตุในเขตมาลีร์ ทางตะวันออกของการาจี

 +++บีบีซี รายงานอ้างพลจัตวาทาห์ซิน อิบราฮิม โฆษกกระทรวงกลาโหมของอิรักว่า นายอับดุล ราห์มาน มุสตาฟา โมฮัมเหม็ดหรือที่เรียกอีกชื่อว่า อาบู อาลา อัลอัฟริ รองผู้บัญชาการของกลุ่มไอเอสเสียชีวิตแล้วจากการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯและพันธมิตรในเมืองทัล อฟาร์ ทางภาคเหนือของอิรัก ก่อนหน้านี้ เขาอยู่ในมัสยิดแห่งหนึ่งในเมืองนั้น ซึ่งเป็นเป้าหมายการโจมตีครั้งนี้  กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯตั้งรางวัลนำจับ 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเมื่อสัปดาห์ก่อน แก่ผู้ให้เบาะแสไปสู่การจับกุมนายอัลอัฟริ  

+++สหรัฐฯ แสดงความกังวลต่อชีวิตของผู้อพยพหลายพันคนที่ถูกขบวนการค้ามนุษย์ทิ้งไว้ทั้งบนบกและในทะเล พร้อมเรียกร้องให้ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมมือกันแก้ไขวิกฤติการณ์นี้ โฆษกหญิงของสถานทูตสหรัฐ ฯ  กล่าวว่า ผู้อพยพส่วนใหญ่เดินทางเพื่อขอความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม และสภาพเศรษฐกิจที่บ้านและบางส่วนก็เกรงกลัวความรุนแรงทางด้านเชื้อชาติหรือศาสนา เรื่องผู้อพยพนี้เป็นความท้าทายของภูมิภาคและต้องหาทางแก้ไขร่วมกันในระดับภูมิภาคและการประสานงานในระดับนานาชาติและต้องเป็นไปตามอนุสัญญาระหว่างประเทศและกฎหมายทางทะเล 

+++กระทรวงกลาโหมอังกฤษ แถลงว่า เรือรบเอชเอ็มเอส บุลวอร์ก ได้รับแจ้งเตือนพบเรือผู้อพยพ 4 ลำในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ห่างจากชายฝั่งลิเบียราว 64 กิโลเมตร เรือมีลักษณะเป็นเรือยาง มีความยาวประมาณ 10 เมตร แต่ละลำบรรทุกผู้โดยสารราว 100 คน รวมแล้วกว่า 400 คน ซึ่งมีเด็กและหญิงตั้งครรภ์รวมอยู่ด้วย กัปตันนิก คุก พรีสต์ เปิดเผยว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือ สภาพอากาศร้อนจัด ทำให้ผู้อพยพส่วนใหญ่อยู่ในอาการขาดน้ำ และมีร่องรอยบาดเจ็บตามร่างกาย รายงานเพิ่มเติมระบุว่า เจ้าหน้าที่ชายฝั่งของอิตาลีได้ช่วยเหลือผู้อพยพอีกกลุ่มจำนวน 150 คน และส่งต่อให้กับเรือเอชเอ็มเอส

+++รายงานของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประเมินว่า ในช่วงระยะเวลาเพียง 4 เดือนกว่าของปีนี้ มีผู้อพยพจากแอฟริกาได้รับการช่วยเหลือจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแล้วประมาณ 60,000 คน ขณะที่จำนวนผู้อพยพที่เสียชีวิตระหว่างการเดินทางอยู่ที่กว่า 1,800 ศพ ซึ่งคิดเป็นการเพิ่มขึ้นราว 20 เท่าของช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เพื่อรับมือกับวิกฤตดังกล่าว คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) เสนอแผนโควต้าให้สิทธิ์การตั้งถิ่นฐานแก่ผู้อพยพบางส่วน ซึ่งนางเธเรซา เมย์ รมว.กระทรวงมหาดไทยอังกฤษ แย้งว่า วิธีการดังกล่าวจะยิ่งกลายเป็นการกระตุ้นให้ผู้อพยพยอมเสี่ยงมากขึ้นในการเดินทางข้ามทะเลไปยังยุโรป

+++ทางการจีน แสดงวิตกอย่างยิ่งต่อรายงานข่าวที่ว่าสหรัฐฯ กำลังพิจารณาส่งเรือรบและเครื่องบินทหารมาในทะเลจีนใต้ ซึ่งถือเป็นการท้าทายจีนที่อ้างสิทธิเหนือหมู่เกาะในพื้นที่ดังกล่าว โฆษกหญิงกระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวว่า สหรัฐฯ จำเป็นต้องชี้แจงท่าทีต่อเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจน และประเทศต่างๆควรหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและการยั่วยุเพื่อรักษาสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค หนังสือพิมพ์วอลสตรีทเจอร์นัลในสหรัฐฯรายงานอ้างเจ้าหน้าที่ไม่เปิดเผยชื่อ ระบุว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯกำลังพิจารณาแนวทางเพื่อรับมือกับความเคลื่อนไหวของจีนที่เข้ายึดครองเขตแดนทางยุทธศาสตร์ เช่น การส่งเครื่องบินและเรือมายังทะเลจีนใต้ แถลงการณ์ของจีนระบุว่า จีนรักษาคำมั่นต่อเสรีภาพทางทะเล แต่จะไม่ยอมให้เรือและเครื่องบินทหารของต่างชาติเข้ามาในน่านน้ำและเขตน่านฟ้าของจีนได้อย่างเสรี พร้อมย้ำว่าจีนจะปกป้องอธิปไตยของประเทศอย่างเต็มที่ 

+++กระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า กองทัพเกาหลีเหนือจะจัดการซ้อมรบด้วยกระสุนจริงในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ตั้งแต่ช่วงบ่ายเมื่อวานนี้ตามเวลาในไทยจนถึงเที่ยงคืนของวันศุกร์ กระตุ้นให้ทหารของโซล ต้องยกระดับมาตรการเฝ้าระวังตามน่านน้ำทะเลเหลือง  โฆษกกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ ระบุว่าในการซ้อมรบครั้งนี้ เกาหลีเหนือกำหนดพื้นที่เป้าหมายของปืนใหญ่ชายฝั่งไว้ 2 จุด ใกล้เกาะแนวหน้าของเกาหลีใต้ที่อยู่ติดกับเขตแดนทางทะเล

+++สำนักงานสถิติสหภาพยุโรป(อียู) รายงานว่า เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโร หรือยูโรโซน ยังคงขยายตัวร้อยละ 0.4 ในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งมาจากตัวเลขผลประกอบการเกินคาดในฝรั่งเศสที่ขยายตัวมากกว่าเยอรมนี ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในกลุ่ม สำนักงานยูโรสแตท รายงานตัวเลขเดือนมกราคม-มีนาคมของกลุ่มสมาชิกยูโรโซน 19 ประเทศว่าเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดไว้ และเพิ่มจากร้อยละ 0.3 ในไตรมาสสี่ของปี 2557 นายฮาวเวิร์ด อาร์เชอร์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ยุโรปที่ไอเอชเอส โกลบอล อินไซต์ กล่าวว่า เศรษฐกิจยูโรโซนได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิ่งลง เงินยูโรอ่อนค่า และการเพิ่มแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ รายงานระบุว่า ประเทศสมาชิกรายใหญ่ในยูโรโซนมีผลประกอบการทางเศรษฐกิจดีขึ้นช่วงไตรมาสแรก ยกเว้นที่เยอรมนีซึ่งชะลอตัวมาที่ร้อยละ 0.3 ในไตรมาสแรกของปีนี้ แต่ฝรั่งเศสกลับขึ้นมาที่ร้อยละ 0.6 จากเดิมศูนย์เมื่อปลายปีที่แล้ว ส่วนกรีซที่ประสบปัญหาหนี้สิน ติดลบร้อยละ 0.2 ขณะยังต้องเจรจาขอเงินช่วยเหลืองวดใหม่กับกลุ่มเจ้าหนี้สหภาพยุโร(อียู) และ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ)

+++ความคืบหน้าเหตุไฟไหม้โรงงานผลิตรองเท้าแตะหูหนีบแห่งหนึ่งในกรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปินส์ ทำให้คนงานเสียชีวิต 31 ศพและสูญหายอีกหลายคน มีคนทำงานในโรงงานกว่า 60 คน คนที่ติดค้างอยู่ในโรงงานได้ส่งข้อความทางโทรศัพท์ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้ไปช่วยเหลือโดยเร็ว สาเหตุของไฟไหม้ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าจะเกิดจากประกายไฟจากงานเชื่อมโลหะใกล้ประตูทางเข้าของโรงงาน ก่อนจะลุกลามอย่างรวดเร็ว สำหรับฟิลิปปินส์มีมาตรฐานความปลอดภัยค่อนข้างแย่ และเหตุไฟใหม้ขนาดใหญ่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยเฉพาะในย่านชุมชนแออัด