*วิปสปช. หนุนทำประชามติร่างรธน.ทั้งฉบับ*

หลังการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาปฎิรูปแห่งชาติหรือวิปสปช. ที่มีนาย เทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสปช.เป็นประธานในการประชุมนานกว่า 3 ชั่วโมง นาย อลงกรณ์ พลบุตร เลขานุการวิปสปช.เปิดเผยว่า  วันนี้ เป็นการหารือพิเศษระหว่างวิปสปช. ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญประจำสภาสปช 18 คณะและคณะอนุกรรมาธิการด้านกระบวนการอีก 5 คณะ ถึงการพิจารณาการทำประชามติ ซึ่งในที่ประชุมทุกคนก็เห็นด้วยกับการทำประชามติ และควรทำทั้งฉบับ ซี่งการจะทำประชามติได้ต้องให้รัฐธรรมนูญผ่านการพิจารณาจากสปช.ก่อน หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านจากสปช.ในวันที่ 6 สิงหาคม ประชามติก็จะไม่เกิดขึ้นและร่างฯนี้ก็จะตกไปพร้อมกับคณะกรรมาธิการยกร่างฯและสปช.ทั้งคณะ

ซึ่งมติที่ประชุมในวันนี้ไม่ถือว่าเป็นมติทั้งหมดของสปช. เพราะเป็นความคิดเห็นแค่เสียงของสมาชิกส่วนหนึ่ง และยังไม่ทราบว่าจะมีการนำประเด็นนี้เข้าสู่วาระที่ประชุมใหญ่สปช.หรือไม่  และสปช.จะไม่ส่งหนังสือให้ทำประชามติให้กับคณะรัฐมนตรีและคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช. พิจารณา เนื่องจากเป็นการแสดงท่าทีให้เห็นเท่านั้นเ

 สำหรับการทำประชามตินั้น ที่ประชุมวันนี้มองว่าต้องมีการกำหนดกติกาที่ชัดเจนและโปร่งใส แต่ไม่ได้กำหนดลงลึกว่าต้องเป็นรูปแบบหรือกติกาใด และชี้ว่าผู้ที่จะออกแบบกำหนดรายละเอียดทั้งหมดคือ ครม.และคสช.ที่จะมีการประชุมกันในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ อย่างไรก็ดีที่ประชุมมองว่าหากจะทำประชามติต้องมีเวลาอย่างน้อย 90 วันให้ประชาชนได้ศึกษาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อสร้างความเข้าใจ  นอกจากนั้น ในวันนี้ได้หารือกับคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับประเด็นการทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายลูก ซึ่งคณะกรรมาธิการยกร่างฯมีแนวทางเปลี่ยนแปลงคณะอนุกรรมาธิการ 5 คณะซึ่งสปช.จะจัดตัวแทนไปร่วมอยู่ในคณะเพื่อร่างกฎหมายลูกด้วย คาดว่ากฎหมายลูกจะเริ่มร่างหลังวันที่ 6 สิงหาคมเป็นต้นไปเพื่อจะรอความชัดเจนจากร่างรัฐธรรมนูญร่างสุดท้ายก่อน  พร้อมหาารือด้วยว่ากฎหมายลูกควรแยกเป็นสองส่วนคือ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญและกฎหมายเกี่ยวกับการปฎิรูป ซึ่งที่ประชุมวันนี้มองว่าอาจให้ปรับลดมาตราในภาค 4 ของรัฐธรรมนูญ ที่ว่าด้วยการปฎิรูปและการปรองดองลง และนำรายละเอียดในภาค 4 นี้มาใส่ไว้ในกฎหมายปฎิรูปแทนรวมทั้งเห็นควรให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในบทเฉพาะกาลที่เกี่ยวกับการปฎิรูปเพิ่มเติมด้วย