คดีนายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด หลบหนีการคุมขังระหว่างออกมารักษาที่โรงพยาบาล มีกระแสข่าวว่าหลบหนีไปประเทศอินโดนีเซีย
นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด อธิบายข้อกฎหมายเกี่ยวกับการติดตามตัวผู้ร้ายข้ามแดนไว้ว่า กรณีคนร้ายที่กระทำผิดอาญา เช่น นายเชาวลิต ถือเป็นผู้ต้องคำพิพากษาของศาลจังหวัดพัทลุง ที่ถูกศาลตัดสินมีคำพิพากษาจำคุก 20 ปี และหลบหนี ซึ่งหากมีการหลบหนีออกนอกประเทศจริง ตรงนี้เรียกว่าคนร้ายหลบหนีไปอยู่ต่างแดน
ขั้นตอนการขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนกลับมารับโทษหรือมาเข้าสู่กระบวนการดำเนินคดีในประเทศไทย ในหลักกฎหมาย ต้องเริ่มต้นจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สืบสวนประสานงานตำรวจสากลให้ทราบแน่ชัดก่อนว่า คนร้ายหลบไปพักอยู่ประเทศใด ซึ่งหน้าที่การสืบหาและยืนยันพิกัดของนายเชาวลิต เป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทราบพิกัดแน่ชัดแล้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็จะส่งเรื่องมาถึงสำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะที่อัยการสูงสุดเป็นผู้ประสานงานกลางตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อให้ส่งคำขอไปยังประเทศที่คนร้ายหลบหนีอยู่
ส่วนแนวปฏิบัติมีอยู่ 2 ประการ
-ประการแรก เมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันแน่ชัดว่า คนร้ายหลบไปอยู่ประเทศไหนแน่นอนแล้ว อัยการสูงสุดก็จะดูว่าประเทศไทยกับประเทศปลายทางที่จะเป็นผู้รับคำขอ มีสนธิสัญญาระหว่างกันหรือไม่ หากนายเชาวลิต หลบหนีอยู่ที่อินโดนีเซีย เราสามารถขอให้อินโดนีเซียส่งผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาให้เราได้ เพราะเรามีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างไทย-อินโดนีเซีย ที่ทำไว้ตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย. 2519 พนักงานอัยการประเทศไทยกับทีมพนักงานอัยการประเทศอินโดนีเซีย มีความร่วมมือประสานงานกันอย่างดีมานาน มั่นใจได้ว่าสามารถประสานงานกันได้อย่างราบรื่น
-ประการที่ 2 หากคนร้ายหนีไปประเทศที่ไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ก็จะใช้ช่องทางอื่น เช่น ช่องทางทางการทูต ซึ่งมีแนวทางในการปฏิบัติที่เป็นสากลอยู่แล้ว คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สืบพิกัดว่าผู้ที่ต้องการตัวอยู่ประเทศใด และแจ้งมาที่สำนักงานอัยการสูงสุดในฐานะผู้ประสานงานกลาง ก็จะดำเนินการผ่านกระทรวงต่างประเทศใช้หลักการทูตเป็นลักษณะข้อตกลงของการตอบแทน หมายความว่า แม้เราไม่มีสนธิสัญญาก็จริง แต่เมื่อคนร้ายเราหนีไปอยู่ประเทศเขา เราก็ขอให้เขาในฐานะประเทศผู้รับคำขอช่วยส่งคนร้ายให้เรา และเราให้คำมั่นหรือให้สัญญาหรือข้อตกลงว่าเมื่อใดก็ตามในอนาคตหรือในภายภาคหน้า หากมีคนร้ายที่ประเทศปลายทางต้องการตัวหลบมาอยู่ประเทศเรา เราก็จะให้ความร่วมมือ
กรณีคนร้ายหลบไปอยู่ต่างประเทศไม่ว่าคนร้ายจะอยู่ในประเทศที่มีสนธิสัญญากับเราหรือไม่มีสนธิสัญญากับเราก็ตาม เพียงแค่สำนักงานตำรวจแห่งชาติชี้จุดพิกัดว่าอยู่ที่ไหนแน่ชัดแจ้งมาที่สำนักงานอัยการสูงสุดๆ ในฐานะผู้ประสานงานกลางก็จะมอบหมายให้สำนักงานอัยการต่างประเทศ ดำเนินการ
#ตามจับแป้งนาโหนด
แฟ้มภาพ
CR:ขอบคุณข้อมูล ผู้พิทักษ์