รอยเตอร์ส รายงานด้านโฆษกกองทัพแห่งชาติของอินโดนีเซีย กล่าวว่า กองทัพอินโดนีเซียจะอำนวยความสะดวกให้แก่ชาวโรฮิงญาในการแล่นเรือผ่านช่องแคบมะละกา หลังการติดค้างอยู่ในจังหวัดอาเจะห์เหนือเมื่อวันอาทิตย์เนื่องจากเรือหมดเชื้อเพลิง ระบุว่าผู้อพยพส่วนใหญ่จากทั้งหมด 581 คนไม่ประสงค์จะพักอยู่ในอินโดนีเซีย แต่ต้องการจะเดินทางต่อไปยังมาเลเซียหรือออสเตรเลีย เพื่อหางานทำ เขากล่าวว่าการอำนวยความสะดวกที่อินโดนีเซียจัดเตรียมแก่ผู้อพยพ รวมถึงเชื้อเพลิง อาหาร น้ำดื่มและยารักษาโรค
ด้านนายเลียวนาร์ด ดอยล์ โฆษกองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (ไอโอเอ็ม)ว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติของไทยและมาเลเซียจะประชุมกันเพื่อหารือมาตรการสกัดเรือผู้อพยพมุสลิมโรฮิงญา ไม่ให้ขึ้นชายฝั่งประเทศของพวกเขา ขณะเดียวกันไอโอเอ็ม เตือนว่า ผู้อพยพชาวโรฮิงญาอีกราว 7,000 คนยังลอยอย่างไร้จุดหมายอยู่ในอ่าวเบงกอล คาดว่าจะเกิดวิกฤติด้านมนุษยธรรมเกิดขึ้นที่นั่นเช่นเดียวกัน เขาแถลงเรื่องนี้ร่วมกับข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติในนครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ในวันนี้ ประเมินว่าอาจจะมีผู้อพยพเสียชีวิตราว 300 คนขณะอยู่ในทะเลในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้เนื่องจากขาดอาหาร ภาวะร่างกายขาดน้ำและถูกลูกเรือทำร้ายจนกระทั่งเสียชีวิต
ขณะเดียวกันหลายรายเสียชีวิตในค่ายพักแรมที่จัดตั้งขึ้นมาโดยขบวนการค้ามนุษย์ ส่วนที่บังกลาเทศ ตำรวจได้จับกุมขบวนการลักลอบค้ามนุษย์กว่า 100 คนในช่วง 2-3 เดือน สำหรับผู้อพยพส่วนใหญ่เป็นชาวโรฮิงญา คนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมจากเมียนมาร์ ที่ยูเอ็นระบุว่าเป็นหนึ่งในชนกลุ่มน้อยไร้รัฐไร้สัญชาติที่ถูกรังแกมากที่สุดในโลก/20.17 น.