*นายกฯ แจ้งที่ประชุมครม.เร่งแก้ปัญหาค้ามนุษย์ โรฮิงญา-อุยกูร์*

หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวในที่ประชุมว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับที่วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งพระพลานามัยของทั้ง 2 พระองค์แข็งแรงดี เป็นความปลื้มใจของคณะรัฐมนตรี โดยนายกฯได้ขอให้ทุกคนรับไว้เป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อทำงานรับใช้ประเทศชาติ จากนั้นนายกฯได้สอบถามความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาขอทาน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ชี้แจงถึงการดำเนินการตามนโยบาย 3 พี คือ ดำเนินการในเรื่องนโยบาย การช่วยเหลือป้องกันและการคุ้มครอง โดยมีการจัดตั้งศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหาขอทานและคนไร้ที่พึ่ง ซึ่งตั้งแต่เดือนมกราคมของปีนี้พบว่ามีจำนวนขอทานในพื้นที่ต่างๆ ลดลง นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งธัญบุรีโมเดลเป็นศูนย์ปฎิบัติการครบวงจร เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขอทานขึ้นอีก รวมถึงมีการฝึกอาชีพและดูแลให้มีการกับไปประกอบอาชีพได้

นายกรัฐมนตรีได้สั่งการต่อว่ายังมีเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่น ปัญหาการหลบหนีเข้าเมืองผิดกฏหมาย ปัญหาการประมง แรงงานเถื่อน รวมถึงแรงงานโรฮิงญาและอุยกูร์ ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้ต้องมีการกำหนดเป้าหมายและวิธีปฏิบัติที่ชัดเจนในทุกกลุ่ม เพราะมีบุคคลหรือกลุ่มข้าราชการที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการดังกล่าว และจะต้องดำเนินคดีทั้งทางอาญาและวินัย

ส่วนการแก้ไขปัญหาขยะว่า รัฐบาลก่อนไม่ค่อยให้ความสนใจกับการแก้ไขปัญหาขยะ แต่ส่วนใหญ่จะเน้นในเรื่องของการสร้างถนนในพื้นที่ ดังนั้น งบประมาณที่ลงไปยังท้องถิ่นจึงถูกละเลยในเรื่องการแก้ไขปัญหาขยะ รัฐบาลจึงให้ความสำคัญและดำเนินการอย่างเป็นระบบ ทั้งในส่วนที่เป็นขยะตกค้างและขยะใหม่ ซึ่งหลักการคือการพัฒนาปรับขยะให้เป็นพลังงาน

ด้านร.อ.นพ. ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุถึงยอดเงินบริจาคบัญชี"หัวใจไทยส่งไปเนปาล" ถึงวันที่ 7 พฤษาภาคม 2558 ว่ามีทั้งสิ้นขณะนี้ 165 ล้านบาท โดยจากการประสานงานกันทางเนปาลจะมีการมอบเงินจำนวน 1 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯให้กับรัฐบาลเนปาล สำนักงานเพื่อความร่วมมือด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติหรือ ยูเอ็นโอซีเอชเอ องค์การอนามัยโลกหรือWHO และองค์กรยูนิเซฟ รวมเป็นเงิน 4 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯ นอกจากนี้ครม.ยังเห็นชอบร้างถ้อยแถลงร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการพัฒนาแนวพื้นที่เศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก ครั้งที่ 3 ซึ่งจะมีการประชุมที่ไทยในวันนี้ที่ม19-20 พฤษภาคม 2558นี้ โดยร่างถ้อยแถลงร่วมดังกล่าวจะมีการรับรองในที่ประชุมร่วมกันเพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงและการอำนวยความสะดวกในการส่งสินค้าข้ามแดนระหว่างไทย-ลาว-พม่าและเวียดนามตามแนวเขตเศรษฐกิจดังกล่าวด้วย