สศช.เปิด GDP ไตรมาส 3 โต 1.5% ส่งออกชะลอตัว คาดปีหน้าดีขึ้น ยังไม่ประเมินดิจิทัลวอลเล็ต

20 พฤศจิกายน 2566, 11:51น.


            สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) แถลงตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาสที่สามของปี 66 และแนวโน้มปี 66 และ ปี 67



           นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สศช. เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ไตรมาสที่ 3/66 ขยายตัวร้อยละ 1.5 ชะลอลงจากร้อยละ 1.8 ในไตรมาสที่ 2/66 เป็นผลจากการส่งออกรวมชะลอลง จากการส่งออกสินค้าที่ลดลง ขณะที่ ภาคการบริการ ขยายตัวจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น การใช้จ่ายรัฐบาลยังคงลดลง ปัจจัยหลักมาจากการลดลงของการใช้จ่ายด้านสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ลดลง ขณะที่การอุปโภคบริโภคของครัวเรือนขยายตัวต่อเนื่อง และการลงทุนของภาคเอกชนที่เร่งขึ้น ส่งผลให้ 9 เดือนปี 66 เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ 1.9 ด้านการผลิต ชะลอลงทั้งภาคเกษตร และภาคนอกเกษตร โดยภาคเกษตรขยายตัวร้อยละ 0.9 ชะลอลงจากร้อยละ 1.2 ในไตรมาสที่ 2/66 ตามการลดลงของผลผลิตพืชผลเกษตรที่สำคัญ ภาคนอกเกษตร ขยายตัวร้อยละ 1.5 ชะลอลงจากร้อยละ 1.8 เป็นผลจากภาคบริการขยายตัวร้อยละ 3.9 ปัจจัยสนับสนุนมาจากกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวขยายตัวได้ ขณะที่ ภาคอุตสาหกรรม ลดลงร้อยละ 2.8 เป็นผลจากการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมลดลงตามความต้องการของตลาดต่างประเทศ ด้านการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคขั้นสุดท้ายของเอกชน การลงทุนรวม และการส่งออกสินค้าและบริการขยายตัว ร้อยละ 8.1 ร้อยละ 1.5 และร้อยละ 0.2 ตามลำดับ ขณะที่ การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคขั้นสุดท้ายของรัฐบาล และการนำเข้าสินค้าและบริการ ลดลงร้อยละ 4.9 และร้อยละ 10.2 ตามลำดับ



            สศช.คาดว่า จีดีพีทั้งปี 66 ขยายตัว 2.5% ซึ่งในช่วงปลายปีนี้ การส่งออก เริ่มกลับมา ซึ่งส่งผลดีต่อภาคการผลิตอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย และทำให้เศรษฐกิจไตรมาส 4 ฟื้นตัวได้





           สำหรับในปี 67 เศรษฐกิจไทย ฟื้นตัวได้ต่อเนื่องจากปี 66 คาดว่า จีดีพีปี 67 ขยายตัว 3.2% อยู่ที่ช่วง 2.7-3.7% จากแรงส่งด้านการส่งออกที่กลับมา แต่มีความเสี่ยงต้องติดตามหลายเรื่องทั้งการล่าช้าของงบประมาณปี 67 คาดว่า จะออกมาในเดือน เม.ย. 67 ทำให้หน่วยงานต่างๆ ต้องเตรียมพร้อมรองรับการเบิกจ่าย และการหารายได้ การสร้างรายได้ของรัฐบาล การประมาณการจีดีพีปี 67 ยังไม่รวมนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท คาดการณ์ปีหน้า ยังไม่ได้รวมเงินดิจิทัลวอลเล็ต ต้องดูว่าสุดท้ายจะใช้วงเงินเท่าไร ขณะนี้ รอคำวินิจฉัยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีกาก่อนในเรื่องของแหล่งเงิน และยังไม่ได้คาดการณ์ว่าดิจิทัลวอลเล็ต จะช่วยเศรษฐกิจได้เท่าไร



          นายดนุชา กล่าวว่า ในปีหน้า ยังต้องให้ความสำคัญกับหนี้ครัวเรือนและหนี้ธุรกิจ เพราะยังเป็นตัวฉุดรั้ง ปัจจุบันหนี้ครัวเรือนอยู่ที่ 90.7% ต่อจีดีพี และหนี้เอสเอ็มอี ธุรกิจขนาดกลางและรายเล็ก ยังต้องได้รับการแก้ไข จึงขอความร่วมมือธนาคารพาณิชย์เร่งปรับโครงสร้างหนี้ โดยเฉพาะหนี้ธุรกิจที่เกี่ยวกับก่อสร้างจากเงินลงทุนภาครัฐ เพราะได้รับผลกระทบจากความล่าช้าของงบประมาณ และภาคอสังหาฯ รายกลางรายเล็กเริ่มมีปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข ตอนนี้รัฐบาลเตรียมมาตรการแก้ปัญหาภาครัวเรือนและเอสเอ็มอี แก้ภาระหนี้ให้ดำเนินธุรกิจ และมีกำลังใช้จ่ายในชีวิตประจำวันต่อไปได้





          นอกจากนี้ ภัยแล้ง ยังเป็นปัจจัยเสี่ยง แม้มีฝนตกแต่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และมีความขัดแย้งระหว่างประเทศ ในตะวันออกกลางมีแนวโน้มขยายวงกว้าง รวมทั้งเตรียมการช่องว่างทางการคลัง (Policy Space) ที่เพียงพอ และติดตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน ที่ยังมีปัญหาและข้อจำกัดอยู่



 



#สภาพัฒน์



#เศรษฐกิจไทย



รายละเอียดเพิ่มเติม: http://bit.ly/37tNzEJ



CR:ขอบคุณข้อมูล-ภาพ สภาพัฒน์ 



 



 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X