กระทรวงการต่างประเทศ แถลงความคืบหน้าสถานการณ์ในอิสราเอล-กาซา กรณีมีข่าวในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับการที่สถานทูตไม่ได้รับทราบอาการผู้บาดเจ็บนั้น ขอแจ้งว่า เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ พร้อมอัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายแรงงาน และเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ไปเยี่ยมเยียนแรงงานไทยที่บาดเจ็บและรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงเป็นหนึ่งในภารกิจหลักของ สอท. / สกญ. ทั่วโลกที่ให้ความสำคัญกับการดูแลคนไทย
ภาพรวมสถานการณ์ความช่วยเหลือ ตั้งแต่ 4 พ.ย.2566 หลังจากที่คนไทยในอิสราเอลเดินทางกลับไทยและมีผู้ติดต่อขอความช่วยเหลือน้อยลง สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ปิดศูนย์อพยพที่โรงแรม และดำเนินการที่สถานเอกอัครราชทูตฯ แทน ในช่วง 10 วัน มีผู้ขอรับการช่วยเหลือ 250 ราย โดยมีการช่วยสำรองตั๋ว ทำเอกสารเดินทางฉุกเฉิน นำส่งสนามบิน รวมถึงให้คำแนะนำผ่านโทรศัพท์และช่องทางอื่น ๆ เช่น Facebook
นอกจากนั้น ในวันที่ 10 พ.ย. นี้ กรมการกงสุลได้จัดพิธีมอบเข็มกลัดเชิดชูเกียรติ ใบประกาศเกียรติคุณ และเสื้อที่ระลึก “กงสุลอาสา” เพื่อขอบคุณ น.ส. วิภาวดี วรรณชัย หรือพี่แจ๋ม ที่เสียสละและเสี่ยงอันตรายช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอลออกมาจากพื้นที่เสี่ยงภัย
กระทรวงการต่างประเทศ ยังเดินหน้าร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเช่น รวบรวมเอกสารเพื่อชดเชยให้แก่คนไทยที่เดินทางกลับมาจากอิสราเอลด้วยตนเอง และ เก็บตัวอย่าง DNA เพื่อส่งให้ทางการอิสราเอลพิสูจน์อัตลักษณ์ผู้สูญหาย
สำหรับคนไทยที่ได้รับผลกระทบดังนี้
-เสียชีวิต 39 ราย ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้ส่งร่างผู้เสียชีวิตกลับประเทศไทยครบ 39 ร่างตามจำนวนที่ได้รับการยืนยันจากทางการอิสราเอลแล้ว
-บาดเจ็บ อยู่ระหว่างรักษาพยาบาล 3 คน
-ถูกจับเป็นตัวประกัน 25 คน
#แรงงานไทย
#สงครามอิสราเอลฮามาส