การประชุมสภาปฎิรูปแห่งชาติ(สปช.) ที่มีนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสปช.เป็นประธานในการประชุม ในช่วงบ่ายมีวาระการพิจารณารายงานการปฎิรูประบบการแจ้งเหตุฉุกเฉินเบอร์ 112 ที่คณะกรรมาธิการปฎิรูประบบสาธารณสุขพิจารณาแล้วเสร็จ พล.อ.นพ.ชูศิลป์ คุณาไทย ประธานคณะอนุกรรมาธิการปฏิรูปนโยบายสาธารณะ ในคณะกรรมาธิการปฏิรูประบบสาธารณสุข สปช. เปิดเผยว่า จากรายงานขององค์การอนามัยโลกหรือ WHO พบว่าไทยเป็นประเทศที่มีโอกาสได้รับการช่วยเหลือด้านการแพทย์น้อยที่สุดในภูมิภาคอาเซียน และจากรายงานของกระทรวงคมนาคมยังพบมูลค่าความเสียหายคิดเป็นจำนวนเงินจากอุบัติเหตุกว่า 3 แสนล้านบาทต่อปี และเสียหายจากเหตุไฟไหม้กว่าปีละ 3 พันล้านบาท จากสถิติยังพบว่าต่อปีประชาชนต้องการความช่วยเหลือด้านอุบัติเหตุปีละ 4 ล้านครั้งแต่สามารถช่วยประชาชนได้เพียง 1,300,000 คนต่อปี ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนและประเทศ ทางคณะกรรมาธิการจึงมองว่าควรจัดตั้งระบบศูนย์หมายเลขฉุกเฉินกลางเบอร์เดียว 112 เพื่อทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักและหน่วยงานเดียวในการบูรณาการกับหน่วยงานต่างๆ การรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนและเป็นการพัฒนาระบบประสิทธิภาพการช่วยเหลือประชาชน คณะกรรมาธิการฯยังจะต้องศึกษาถึงระบบการจัดตั้งเบอร์ 112 ให้มีประสิทธิภาพและต้องหาหน่วยงานรัฐบาลที่มีความพร้อมในการดูแลศูนย์ดังกล่าว
ด้านนายแพทย์ไพโรจน์ บุญศิริคำชัย รองเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน เปิดเผยว่า ปัจจุบันหมายเลขต่างๆยังมีความทับซ้อนในการทำงานและบางหมายเลขเช่น 199 ก็จำกัดการให้บริการที่กรุงเทพฯเท่านั้น ดังนั้นศูนย์นี้จะพัฒนาการรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนทุกคนทั้งผู้พิการ เยาวชนต่างๆในทุกจังหวัดโดยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางทั้งหมดและเป็นหมายเลขฉุกเฉินเพียงเบอร์เดียวโดยจะมีการพัฒนาระบบภายในและการจัดตั้งการรับเรื่องร้องเรียนในรูปแบบวีดีโอเพื่อรับเรื่องจากผู้พิการที่พูดไม่ได้ นอกจากนี้จะตั้งระบบภายในที่จะระบุพิกัดผู้โทรเพื่อป้องกันปัญหาผู้ร้องเรียนไร้สาเหตุรวมทั้งเพื่อทราบพิกัดของผู้ประสบปัญหา คณะกรรมาธิการฯตั้งเป้าว่าศูนย์ฯจะสามารถส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ภายใน10-15นาที ส่วนเจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุจะมีการประสานงานและแบ่งงานกัน โดยอาจจะมีการแบ่งหมายเลขย่อยสายด่วนที่เป็นสายขอคำแนะนำต่างๆของประชาชน เพื่อมิให้สายขอคำแนะนำนี้มากระทบกับประชาชนที่ต้องการความช่วยเหลือ
ธีรวัฒน์