'ปธน.ไบเดน' หวังการหารือทวิภาคีกับ'ปธน.สี' นอกรอบ APEC ปรับความสัมพันธ์ให้ดีขึ้น

           ประธานาธิบดีโจ ไบเดน รอต้อนรับผู้นำเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ที่นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ เริ่มเปิดฉากวันนี้ 15 พ.ย.66 ถึงวันที่ 17 พ.ย.66 

           วันนี้(15 พ.ย.66) ประธานาธิบดีไบเดน จะพบหารือทวิภาคี กับ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน หลังจากที่เดินทางเยือนเมื่อเดือนเม.ย.60 และเป็นการครบรอบ 1 ปีที่ผู้นำทั้งสองคน พบกันเมื่อเดือนพ.ย.65 นอกรอบการประชุมสุดยอดกลุ่ม G20 ที่เกาะบาหลี อินโดนีเซีย

           การประชุมครั้งนี้เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและจีน หลังจากที่ประธานาธิบดีไบเดน สั่งยิงบอลลูนของจีนที่ล่วงล้ำน่านฟ้าสหรัฐฯ โดยกล่าวหาว่าเป็นบอลลูนสอดแนมและเป็นการละเมิดอธิปไตยของสหรัฐฯ

           CNAรายงานว่า ประธานาธิบดีไบเดน กล่าวว่า เป้าหมายของการเจรจากับประธานาธิบดีสี คือ การรื้อฟื้นการสื่อสารตามปกติระหว่างมหาอำนาจทั้งสอง รวมถึงการติดต่อกันระหว่างทหารกับทหาร พยายามเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างกันให้ดีขึ้น หลังจากความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดมาระยะหนึ่ง มีการสอบถามประธานาธิบดีไบเดนว่าจะวัดว่าความสัมพันธ์จะดีขึ้นได้อย่างไร ประธานาธิบดีไบเดน เปิดเผยว่า สามารถโทรตรงถึงกันและพูดคุยกันในช่วงที่เกิดวิกฤต และกองทัพของทั้งสองประเทศยังสามารถติดต่อกันได้

           ในระหว่างที่เดินทางไปที่ซานฟรานซิสโก นายจอห์น เคอร์บี้ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ผู้นำทั้งสองจะหารือกันหลายเรื่อง และหวังว่าจะมีการหารือกันแบบตรงไปตรงมา ทั้งเรื่องการสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ประเด็นสงครามรัสเซีย-ยูเครน

           รายงานคาดว่าจะหารือเรื่องความขัดแย้งในช่องแคบไต้หวัน, ทะเลจีนใต้, การค้าเซมิคอนดักเตอร์, สิทธิมนุษยชน

           สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า นายหวังตง ผู้อำนวยการบริหารสถาบันความร่วมมือและความเข้าใจระดับโลก สังกัดมหาวิทยาลัยปักกิ่ง กล่าวว่า เยาวชนคนรุ่นใหม่เชื่อมั่นในอนาคต ประธานาธิบดีสี แสดงวิสัยทัศน์อันยิ่งใหญ่เกี่ยวกับความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ และความคาดหวังต่อมิตรภาพระหว่างสองประเทศ และการกลับไปเยือนนครซานฟรานซิสโกครั้งนี้ของประธานาธิบดีสี จะเป็นก้าวย่างที่ผลักดันความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ให้เดินไปข้างหน้า

#หารือทวิภาคี

#ไบเดน

#สีจิ้นผิง

#เอเปค

#สหรัฐฯ

แฟ้มภาพ 

CR:สำนักข่าวซินหัว,CNA,Reuters