โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ หรือ UNDP รายงานว่า การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ที่เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม หรือเป็นเวลานานกว่า 1 เดือนแล้วนั้น กำลังทำลายเศรษฐกิจของปาเลสไตน์อย่างรุนแรง จนเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะล่มสลาย
นายอับดุลเลาะห์ อัล ดาร์ดารี ผู้อำนวยการ UNDP ภูมิภาคอาหรับ ซึ่งอธิบาย ว่าผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ หรือ จีดีพี ในเวสต์แบงค์และกาซา ลดลงร้อยละ 4 ผู้คนมากกว่า 400,000 คนเข้าสู่ภาวะยากจน ซึ่งเป็นผลกระทบที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน แม้แต่ในสงครามซีเรีย ยูเครน
ในรายงานคาดการณ์ว่า หากการสู้รบเข้าสู่เดือนที่ 2 จีดีพีของปาเลสไตน์ ที่มีมูลค่า 20,400 ล้านดอลลาร์ก่อนสงครามจะเริ่มต้นขึ้น จะลดลงมากถึงร้อยละ 8.4 เป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจมูลค่า 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
และหากสงครามยืดเยื้อออกไปเป็นเดือนที่ 3 จีดีพีจะลดลงถึงร้อยละ 12 มูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจ 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และประชาชนกว่า 660,000 คนจะเข้าสู่ภาวะยากจน
เมื่อเปรียบเทียบกับสงครามในซีเรีย เศรษฐกิจซีเรียลดลงร้อยละ 1 ต่อเดือนในช่วงที่ความขัดแย้งรุนแรงมากที่สุด
ส่วนในยูเครน เศรษฐกิจลดลงประมาณร้อยละ 1.6 ต่อเดือน
ในช่วงต้นปีนี้ ปาเลสไตน์ รวมความถึงเวสต์แบงค์และกาซา ถูกจัดอยู่ในกลุ่มรายได้ปานกลางในระดับต่ำ มีเส้นแบ่งความยากจนอยู่ที่ 6 ดอลลาร์ต่อคนต่อวัน โดยในกาซ่ามีปัญหาการว่างงานที่ร้อยละ 46 ซึ่งสูงกว่าในเวสต์แบงค์ที่มีอัตราว่างงานที่ร้อยละ 13 แต่เมื่อมีสงครามในกาซา การจ้างงานหายไปราวร้อยละ 61 หรือราว 182,000 ตำแหน่งหายไป ขณะที่ในเวสต์แบงค์ การจ้างงานหายไปราวร้อยละ 24 หรือประมาณ 208,000 ตำแหน่ง
ทั้งนี้ กลุ่มติดอาวุธฮามาส โจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,400 คน และลักพาตัวประกัน 240 คน แต่เมื่ออิสราเอลโจมตีกลับ ทำให้ชาวปาเลสไตน์ราว 2 ใน 3 ของประชากร 2 ล้าน 3 แสนคน ต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่น มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 10,818 ราย ซึ่งมากกว่า 4,400 คนในกลุ่มนั้นเป็นเด็ก
...
#UNDP
#อิสราเอล
#ปาเลสไตน์