พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พ.ต.อ.วิทวัฒน์ ชินคำ รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 , พ.ต.อ.ภพธร จิตต์หมั่น รอง ผบก.น.5 ในฐานะประธานกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เข้าประชุมร่วมกับ พ.ต.อ.โอภาส หาญณรงค์ ผู้กำกับการ สน.พระโขนง และคณะทำงาน ที่ สน.พระโขนง พ.ต.อ.โอภาส ให้ข้อมูลว่า หลังจากชั่งน้ำหนักรถพบว่า บรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ได้แจ้งข้อหา กับคนขับรถเรียบร้อยแล้วรวม 2 ข้อหา คือ ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินเสียหาย และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
ล่าสุด นายพชรพล จันทรินทรากร หรือ เสี่ยบิ๊ก ซึ่งเป็นผู้ครอบครองรถบรรทุกสิบล้อ คันที่เกิดอุบัติเหตุ เดินทางเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สภ.พระโขนง เเล้ว ซึ่งทาง ผกก.สภ.พระโขนง เปิดเผยว่า จะใช้เวลาสอบปากคำตลอดทั้งวัน โดยมี จเรตำรวจฯ มาร่วมสอบปากคำ โดยประเด็นที่ต้องสอบ คือ มีส่วนร่วมรู้เห็น ให้คนขับรถบรรทุกสิบล้อ เเบกน้ำหนักบรรทุกดินเหนียวเกินนำหนักที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ คือ 25 ตัน ซึ่งการเข้าพบตำรวจครั้งนี้ เสี่ยบิ๊ก ไม่ตอบคำถามใดใดกับสื่อมวลชน ทั้งนี้ สำหรับ เสี่ยบิ๊ก ผู้ครอบครองรถ คือผู้ที่ออกมาโวยวาย เเละเป็นผู้จัดการหารถเทรลเลอร์ มาเคลื่อนย้ายรถสิบล้อ ออกจากจุดเกิดเหตุเองทั้งหมด ซึ่งมีภาพปรากฎออกสื่อไปก่อนหน้านี้ สำหรับรถคันนี้ ผู้สื่อข่าวตรวจสอบพบว่า ยังติดไฟเเนนซ์อยู่
ส่วนกรณีที่มีการเผยคลิปวิดีโอว่า ในช่วงกลางดึกของคืนวันเกิดเหตุ (8 พ.ย.) มีคนงานนำถังแกลลอนมาถ่ายน้ำมัน ออกจากรถบรรทุกคันเกิดเหตุ ที่จอดไว้ตรงข้าม สน.พระโขนง ฝ่ายสืบสวนได้ติดตามตัวบุคคลในคลิปมาสอบปากคำแล้ว ได้ให้การว่า ได้รับคำสั่งมาให้ถ่ายน้ำมันออกจากถัง เนื่องจากตัวถังได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ จึงเกรงว่าน้ำมันอาจรั่วจนเกิดอันตราย ซึ่งบุคคลดังกล่าวก็ได้นำน้ำมันของกลาง มาส่งคืนให้กับพนักงานสอบสวนแล้ว ยืนยันว่าไม่มีเจตนาจะอำพราง ทำให้น้ำหนักรถลดลง ตำรวจจึงยังไม่มีการแจ้งข้อหา
ขณะที่ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยผ่านทางโทรศัพท์ ระบุว่า ได้สั่งการให้ตรวจสอบเรื่องนี้ในทุกมิติ หากพบสิ่งที่ผิดกฎหมาย ก็ให้ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมด ไม่ละเว้น แต่ต้องใช้เวลาในการทำงาน กรณีที่สังคมให้ความสนใจเรื่องส่วยสติกเกอร์ ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบสืบสวนในเรื่องนี้ โดยทางตำรวจนครบาล จะทำงานร่วมกับจเรตำรวจแห่งชาติ ในการช่วยหาพยานหลักฐาน ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่หลังเกิดเหตุ
อย่างไรก็ตาม รถบรรทุกโดยทั่วไปได้มีการติดสติกเกอร์กันเป็นปกติอยู่แล้ว เพื่อจุดประสงค์ต่าง ๆ ซึ่งก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า สติกเกอร์ที่พบนี้ติดเพื่ออะไร หากพบว่าเกี่ยวข้องกับการเรียกรับผลประโยชน์ ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย และ หากใครที่ออกมาปิดเผยว่า สติกเกอร์นี้เป็นส่วย ก็ขอให้นำข้อมูลหลักฐาน มาให้กับตำรวจ หากไม่จริง ก็ต้องรับปิดชอบคำพูดตัวเองด้วย
#บรรทุกน้ำหนักเกิน
#ส่วยรถบรรทุก