*เนปาลระงับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในบางพื้นที่/สหรัฐปิดเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในนิวยอร์ก/ผู้นำคิวบาเข้าเฝ้าฯพระสันตะปาปา/การสู้รบที่มาซิโดเนียยุติแล้ว*

15 วันหลังแผ่นดินไหวรุนแรงที่เนปาล จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8,019 ศพแล้ว โดยพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงครอบคลุม 14 เขต จากทั้งหมด 75 เขตทั่วประเทศ ส่วนจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บคือ 17,871 คน บ้านเรือนถูกทำลาย 299,588 หลัง และได้รับความเสียหายบางส่วนอีก 269,109 หลัง

ส่วนที่เขตราสุวาทางตอนเหนือของกรุงกาฐมาณฑุนั้น เจ้าหน้าที่ต้องสั่งระงับปฏิบัติการค้นหาชั่วคราวในพื้นที่ลังตัง เนื่องจากมีหิมะถล่มเป็นระยะทำให้การค้นหาและช่วยเหลือเป็นอันตรายมากขึ้น โดยในเขตนี้ยังมีผู้สูญหายอีกประมาณ 300 คน ซึ่งมีนักปีนเขาและนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 100 คน

อย่างไรก็ตาม ทางการเนปาลไม่ยินยอมให้เฮลิคอปเตอร์ชินุกของกองทัพอังกฤษลงจอดเพราะมีขนาดใหญ่เกินไป จนอาจซ้ำเติมความเสียหายต่อบ้านเรือนที่เสียหายจากแผ่นดินไหว โดยเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพอังกฤษ เดินทางมาถึงกรุงเดลีของอินเดียตั้งแต่สัปดาห์ก่อน แต่ไม่สามารถเดินทางต่อมาที่เนปาล  

ในขณะนี้ อินเดีย จีน และ สหรัฐ ใช้เฮลิคอปเตอร์ออสปรีย์ลำเลียงสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้แก่ผู้ประสบภัยในหลายพื้นที่ แต่สื่อในเนปาลรายงานว่า กระแสลมจากเฮลิคอปเตอร์ทำให้หลังคาของบ้านเรือนในหมู่บ้านเล็กๆ ได้รับความเสียหาย แม้สหรัฐจะชี้แจงว่ามีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดความเสียหายเช่นนั้น  

ทางการสหรัฐปิดเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์อินเดียน พอยท์ ที่ตั้งอยู่ห่างจากนครนิวยอร์กราว 65 กิโลเมตรเนื่องจากเกิดเหตุไฟไหม้หม้อแปลงไฟฟ้า แต่เจ้าหน้าที่ระบุว่าเหตุที่เกิดขึ้นไม่เป็นอันตรายต่อประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง

สำหรับโรงไฟฟ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ในเขตบูคานันของรัฐนิวยอร์ก เกิดไฟไหม้ในเวลา 17.50 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 4.50 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยระบบจะตัดการจ่ายกระแสไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ จากนั้นอีก 25 นาทีก็สามารถดับเหตุไฟไหม้ลงได้ โดยไม่ได้สร้างความเสียหายให้แก่โรงไฟฟ้า ยังไม่ทราบสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟไหม้ขึ้น แต่เมื่อวันพฤหัสบดีทางบริษัทเจ้าของโรงไฟฟ้าหยุดเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 3 ขนาด 1,031 เมกะวัตต์ เพื่อซ่อมแซม เนื่องจากมีไอน้ำรั่วไหลบริเวณด้านข้างของโรงงาน จากนั้นก็เดินเครื่องในวันศุกร์

ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ โอลลองด์ ผู้นำฝรั่งเศส เดินทางเยือนประเทศอาหรับในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ในระดับหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ใหม่ระหว่างฝรั่งเศสและชาติอาหรับ เนื่องจากสหรัฐกำลังลดบทบาทในภูมิภาคลง โดยฝรั่งเศสใช้ยุทธศาสตร์หลักด้านการแก้ปัญหาและป้องกันภัยคุกคามจากอิหร่าน ซีเรีย และยังเข้าร่วมการปราบปรามกลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอสอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตามในวันที่ 13 พฤษภาคมนี้ ผู้นำชาติอาหรับจะเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อร่วมประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งผู้นำสหรัฐจะย้ำจุดยืนเรื่องการเป็นหุ้นส่วนสำคัญของชาติอาหรับและสร้างความมั่นใจที่จะไม่ให้ข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่านส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและเสถียรภาพในตะวันออกกลาง

ประธานาธิบดีราอูล คาสโตร ผู้นำคิวบา เดินทางเยือนสำนักวาติกัน และเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก ก่อนที่พระองค์จะเสด็จเยือนสหรัฐอเมริกา และคิวบาในเดือนกันยายนนี้

สมเด็จพระสันตะปาปาจากอาร์เจนตินาองค์แรกผู้นี้มีบทบาทสำคัญในการเจรจาทางลับระหว่างสหรัฐและคิวบา ที่นำไปสู่การประกาศฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว หลังจากที่มีความตึงเครียดมานานกว่า 50 ปี ซึ่งสมเด็จพระสันตะปาปามีพระประสงค์ที่จะแสดงให้เห็นว่า คิวบามีบทบาทที่สำคัญในเศรษฐกิจโลกและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

กบฏฮูตีในเยเมน ส่งสัญญาณอาจยอมรับข้อตกลงหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรม 5 วัน ที่เสนอโดยซาอุดีอาระเบีย ซึ่งจะเริ่มในวันอังคารนี้ แต่ต้องการให้เป็นการเจรจาทางการเมืองภายใต้การสนับสนุนของสหประชาชาติ

ด้านผู้แทนสหประชาติในเยเมน แถลงว่า กองกำลังแนวร่วมกลุ่มอาหรับ กำลังทิ้งระเบิดโจมตีพลเรือนที่ติดค้างอยู่ในพื้นที่ขัดแย้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 1,400 ศพ ซึ่งกว่าครึ่งหนึ่งเป็นพลเรือน

ที่มาซิโดเนีย มีการปะทะกันอย่างรุนแรงในเมืองคูมาโนโว ทางเหนือของประเทศ ระหว่างกลุ่มติดอาวุธ และเจ้าหน้าที่ความมั่นคง ตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 22 ศพ และประชาชนในพื้นที่ต้องหลบหนีออกจากพื้นที่เป็นการชั่วคราว ล่าสุด ทางการมาซิโดเนีย ประกาศว่าปฏิบัติการที่เมืองคูมาโนโวสิ้นสุดลงแล้ว โดยมีผู้ก่อการร้ายมากกว่า 30 คนส่วนใหญ่เป็นชาวมาซิโดเนีย และเป็นชาวโคโซโวอีก 1 คน ยอมมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ความมั่นคง และมีตำรวจได้รับบาดเจ็บระหว่างการปะทะ 37 นาย

สายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์สของมาเลเซียแจ้งว่า เที่ยวบิน 179 ของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่มีปลายทางอยู่ในกรุงโคลอมโบในศรีลังกา ต้องบินกลับกรุงกัวลาลัมเปอร์ เนื่องจากผู้โดยสารรายหนึ่งมีอาการเมามาย และเพื่อความปลอดภัย กัปตันจึงตัดสินใจนำเครื่องบินวกกลับแล้วส่งตัวผู้โดยสารคนนี้ให้แก่ทางการ

ส่วนสายการบินเอติฮัด แอร์เวย์ส สายการบินแห่งชาติของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เปิดเผยว่า เที่ยวบิน 650 ที่เดินทางจากกรุงไคโรในอียิปต์มายังกรุงอาบู ดาบี ต้องขอลงจอดที่สนามบินทหารในนครดูไบด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย แต่ไม่บอกรายละเอียด สำหรับเที่ยวบินนี้มีผู้โดยสาร 128 คน และลูกเรือ 7 คน

เกิดเหตุยิงกัน 5 ศพในเมืองวูเรนลิงเกน รัฐอาร์เกาทางเหนือของสวิตเซอร์แลนด์ ใกล้กับเมืองซูริค โฆษกตำรวจท้องถิ่นบอกว่า พบศพผู้เสียชีวิตหลายศพทั้งในและรอบบ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นเหตุฆาตกรรมจากเรื่องส่วนตัว และผู้ต้องสงสัยเป็นคนร้ายที่รวมอยู่ในกลุ่มผู้เสียชีวิต ซึ่งพบว่า เป็นตำรวจและพ่อของลูก 3 คน แต่เขาไม่มีใบอนุญาตพกปืน

*-*