เร่งช่วยชาวเนปาล! แผ่นดินไหวขนาด 5.6 เสียชีวิตจำนวนมาก สะเทือนถึงอินเดีย

            หลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงในพื้นที่ทางตะวันตกของเขตจาจาร์กอต ในประเทศเนปาล ศูนย์ติดตามและวิจัยแห่งเนปาล ระบุว่าแผ่นดินไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 3 พ.ย.66 เวลา 23.47 น.ตามเวลาท้องถิ่น

             ศูนย์แผ่นดินไหวแห่งชาติของเนปาล ระบุว่า แผ่นดินไหวมีขนาด 6.4 จากนั้น ศูนย์วิจัยธรณีศาสตร์แห่งเยอรมนี (GFZ) ได้ปรับลดระดับความรุนแรงลงเหลือขนาด 5.7  และสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐฯ (USGS) ระบุว่า ขนาดของแผ่นดินไหวอยู่ที่ 5.6 เป็นแผ่นดินไหวระดับตื้น ซึ่งหมายความว่าเกิดขึ้นใกล้กับพื้นผิวโลกมากขึ้น

             BBC รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 100 ราย หลังจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางตะวันตกของประเทศเนปาล ห่างจากกาฐมาณฑุไปทางตะวันตก 500 กม. (310 ไมล์) แรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้ในเมืองต่างๆ ในอินเดีย เช่นที่เมืองหลวงนิวเดลี

             Reuters รายงานว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตมีอย่างน้อย 128 ราย และบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง

             โฆษกกองทัพ รายงานว่า มีการส่งกองกำลังความมั่นคงลงพื้นที่ไปช่วยเหลือ มีการนำผู้บาดเจ็บมากกว่า 100 คน ไปรักษาในโรงพยาบาลจาจาร์กอต เนื่องจาก หลังเกิดแผ่นดินไหว 1 ชั่วโมง มีแรงสั่นสะเทือนอีก 3 ครั้ง ทำให้ประชาชนไม่กล้าที่จะกลับเข้าไปภายในบ้าน ต้องรวมกลุ่มกันอยู่ในพื้นที่โล่ง เนื่องจาก อาคารบ้านเรือนได้รับความเสียหาย ไม่แข็งแรง กลัวว่าจะเกิดแผ่นดินไหวอีก  

             ภาพที่สื่อท้องถิ่น เผยแพร่ทางโซเชียล แสดงให้เห็นว่า อาคารบ้านอิฐหลายชั้นพังทลาย ภาพผู้คนกำลังขุดซากปรักหักพังในความมืด เพื่อดึงผู้รอดชีวิตออกจากซากอาคารที่พังทลาย

              รายงานระบุว่า นายกรัฐมนตรีของเนปาล เดินทางไปที่จุดเกิดเหตุ

              หัวหน้าตำรวจเขตจาจาร์กอต สุเรช ซูนาร์ กล่าวว่า อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูล เนื่องจาก ในช่วงเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน อากาศหนาว และพื้นที่ที่เกิดเหตุอยู่ห่างไกล หมู่บ้านต่างๆ ตั้งกระจายอยู่บนเนินเขา  

               ประเทศเนปาล ตั้งอยู่บนเทือกเขาหิมาลัย มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เมื่อเดือนที่แล้ว เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.3 ในเขตบาจฮาง ทางตะวันตก ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

               เมื่อปี 58 เนปาล เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 2 ครั้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 9,000 ราย และบาดเจ็บ 22,309 คน

#แผ่นดินไหว

#เนปาล

CR:BBC,Reuters