ศาลนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีดำอ.4924/55 ที่กลุ่มพันธมิตรฯ ร่วมกันชุมนุมที่ พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรฯ และอดีตแนวร่วมคนอื่น ๆ รวม 21 คน เป็นจำเลยในความผิดฐาน ร่วมกันใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน
กรณีนี้เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 25 พ.ค.-7 ต.ค.51 จำเลยซึ่งเป็นแกนนำได้ชักชวนประชาชนเข้าร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อกดดันก่อความวุ่นวายให้ นายสมัคร สุนทรเวช ลาออกจากนายกรัฐมนตรี และปิดล้อมสภาสถานที่ราชการ เพื่อมิให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และคณะร่วมแถลงนโยบาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, 215, 216, 309, 310 จำเลยให้การปฏิเสธ
คดีนี้เมื่อวันที่ 4 มี.ค.62 ศาลอาญา พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การชุมนุมของพวกจำเลย เป็นการเเสดงสัญลักษณ์ ปราศรัยที่สมเหตุผล ห้ามปรามไม่ให้ก่อความรุนแรง ถือเป็นการชุมนุมโดยสงบตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 มาตรา 63 ได้รองรับไว้ และแม้จะมีการกีดขวางกระทบการจราจรไปบ้าง เเต่ก็เป็นปกติของการชุมนุมเเสดงออกตามสิทธิ การชุมนุมตั้งเเต่วันที่ 5-7 ต.ค. 51 ไม่ปรากฏว่ามีความรุนแรงหรือมีผู้ใดฝ่าฝืนทำให้ทรัพย์สินเสียหาย คดีนี้ศาลชั้นต้น พิพากษายกฟ้อง อัยการโจทก์ ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ลงโทษ พวกจำเลยด้วย
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้ว เห็นว่า พวกจำเลย ร่วมกันชุมนุม โดยสงบ ปราศจากอาวุธ ต่อสู้ตามหลักอหิงสา อีกทั้งศาลปกครองเคยมีคำวินิจฉัย ว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สลายการชุมนุม โดยใช้แก๊สน้ำตา เป็นการกระทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ ตามสิทธิขั้นพื้นฐานในการชุมนุม ตามรัฐธรรมนูญ ปี 2550
รวมทั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) มีความเห็น เป็นการกระทำละเมิดต่อสิทธิมนุษยชน ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง จำเลยมานั้น ศาลอุทธรณ์ เห็นพ้อง ด้วยอุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน โดยในวันนี้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล กับพวกเดินทางมาฟังคำพิพากษา โดยพร้อมเพรียงกัน โดยมีกลุ่มมาที่สนับสนุนเดินทางมามอบช่อดอกไม้เป็นกำลังใจด้วย