เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียนของอังกฤษ รายงานอ้างนายชัมพู คอยราลา อธิบดีกรมพาณิชย์และการจัดสายโซ่อุปทานของเนปาลว่า รัฐบาลเนปาลสั่งการให้มีการสอบสวนเรื่องการค้ากำไรเกินควร หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อ 12 วันก่อน มีคนเสียชีวิตเกือบ 8,000 ศพและทำให้คนหลายแสนคนไร้ที่อยู่อาศัย เขากล่าวว่า รัฐบาลได้เริ่มออกสำรวจตลาดเพื่อดูมีสินค้าเกี่ยวกับเวชภัณฑ์และสิ่งของอุปโภคบริโภคขาดแคลนหรือไม่ หลังได้รับร้องเรียนว่ามีการขึ้นราคา 2 หรือ 3 เท่า นายคอยราลา กล่าวว่า ขณะนี้การตรวจสอบจะขยายไปถึงโรงพยาบาล หลังได้รับการร้องเรียนเรื่องร้านขายเวชภัณฑ์ น้ำและอาหาร นอกจากนี้ มีรายงานว่ามีโรงพยาบาลเอกชนบางแห่งเรียกค่ารักษาพยาบาลจากคนไข้ด้วยทั้งๆที่ตามนโยบายของรัฐบาล ประชาชนสามารถรักษาฟรีได้มากถึง 25,000 รูปี เขากล่าวว่าในช่วง 2-3 วัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจพบว่า มีร้านขายเวชภัณฑ์และอาหาร 8 แห่งในกรุงกาฐมาณฑุ ทำผิดกฏระเบียบ ระบุว่าเจ้าหน้าที่พบว่าหน้ากากอนามัยขายแพงกว่าปกติกว่าร้อยละ 300 และอุปกรณ์ผ่าตัดขายแพงกว่าปกติร้อยละ 50 แม้แต่น้ำดื่มขวด พบว่าร้านค้าบางแห่งขายสูงกว่าราคาจริงกว่าร้อยละ 100 และพบว่าสินค้าบางอย่างหมดอายุแล้วด้วย ขณะเดียวกัน องค์กรเอ็นจีโอ รายงานว่า ร้านค้าบางแห่งขายผ้าใบ ซึ่งขณะนี้ขาดแคลนมาก ในราคาสูงกกว่าปกติ 3-4 เท่า ขณะนี้มีความต้องการผ้าใบสูงมากในเนปาล เนื่องจากบ้านเรือนราว 519,000 หลังเสียหายหรือถล่มลงมา ทำให้มีคนไร้ที่อยู่อาศัยจำนวนมาก ด้านนายจามี แม็คโกลริค ผู้ประสานงานของยูเอ็นประจำเนปาล เตือนว่าทางการเนปาลควรจะเร่งลำเลียงสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปยังท้องถิ่นทุรกันดาน บางแห่งไปถึงโดยเดินเท้าเท่านั้น ก่อนที่ฝนตกหนักในช่วงฤดูมรสุมจะมาถึงในเดือนมิถุนายนนี้ สำหรับเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ กระทบคนราว 8 ล้านคนจากประชากรทั้่งหมด 28 ล้านคน ประชาชนราว 3 ล้านคนต้องการเต๊นท์พักแรม อาหาร น้ำและยารักษาโรคในช่วง 3 เดือนข้างหน้า