*นักธุรกิจท่องเที่ยวจ.สตูล โยงคดีค้ามนุษย์มอบตัว สนธิกำลังค้นจุดต้องสงสัย*

09 พฤษภาคม 2558, 12:50น.


การขยายผลเรื่องขบวนการค้ามนุษย์ นายสมยศ อังโชติพันธุ์ อายุ 45 ปี นักธุรกิจด้านการท่องเที่ยวบนเกาะหลีเป๊ะ ใน จ.สตูล ที่ถูกออกหมายจับในข้อหาสมคบ และร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปกระทำการอันเป็นการค้ามนุษย์ฯ ร่วมกันช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นโดยทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และร่วมกันเรียกค่าไถ่ ได้เข้ามอบตัวกับ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพิ่มอีก 1 คน ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้า และเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสอบสวนเบื้องต้นยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา



พล.ต.ต.พุทธิชาติ เอกฉันท์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน( ปปง.) และเจ้าหน้าที่สรรพากร นำกำลังชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และหน่วยคอมมานโด กระจายกำลังค้นบ้านเป้าหมายในพื้นที่ 5 จุด ที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา ในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา โดยชุดแรกได้เข้าตรวจค้นบ้านที่บ้านเลขที่ 4 ในเขตเทศบาลตำบลปาดังเบซาร์ ซึ่งเป็นบ้านของ นายบรรณจง ปองผล นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองปาดังเบซาร์ ผู้ต้องหาที่เข้ามอบตัวเมื่อวาน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังค้น เดอะเมเยอร์รีสอร์ท สำนักงานเทศบาลเมืองปาดังเบซาร์ และบ้านเครือข่ายอีก 2 จุด  ขณะที่เจ้าหน้าที่ จะนำตัว นายบรรณจงขออำนาจศาลจังหวัดนาทวีฝากขัง ก่อนเวลา 12.00 น.ญาติเตรียมหลักทรัพย์เอาไว้เพื่อยื่นขอประกันตัว



ส่วนจำนวนผู้อพยพที่เจ้าหน้าที่ได้ให้ความช่วยเหลือจากบริเวณเทือกเขาแก้วเขตรอยต่ออ.หาดใหญ่กับอ.รัตภูมิ จ.สงขลา ตลอดสามวันเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 117 คน เป็นชาย 110 คน และหญิง  7 คนในจำนวนนี้มีเด็กเล็กรวมอยู่ด้วย ขณะนี้ทั้งหมดยังคงอยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่ภายในศูนย์พักพิงชั่วคราวศาลาประชาคมของที่ว่าการอำเภอรัตภูมิ และยังอยู่ในสภาพที่อิดโรยเนื่องจากต้องเดินป่ามานานกว่า10 วัน เพื่อรอเข้าสู่กระบวนการคัดแยกสัญชาติ รวมทั้งการสอบสวนของตำรวจว่าเป็นผู้หลบหนีเข้าเมืองหรือเป็นเหยื่อของการขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งหากเป็นการหลบหนีเข้าเมืองก็จะถูกดำเนินคดีและผลักดันกลับประเทศ แต่หากเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ก็จะให้การช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมและสอบสวนเพื่อสาวไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง และคาดว่าจะยังมีกลุ่มผู้อพยพที่หลงเหลืออยู่บนเทือกเขาแก้วเขตรอยต่อจ.สงขลากับจ.สตูล อีกจำนวนหนึ่ง

ข่าวทั้งหมด

X