กรณี นายเชาวลิต ทองด้วง อายุ 37 ปี นักโทษคดีอุกฉกรรจ์ ที่หลบหนีออกจากโรงพยาบาลมหาราช นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้ตั้งคณะกรรมสอบข้อเท็จจริงว่าเหตุหลบหนีดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์มีส่วนรู้เห็นหรือไม่ หรือเกิดจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ โดยต้องสอบให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลา 5 วัน
นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งให้ นายณรงค์ หนูคง ผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช และผู้คุมที่เกี่ยวข้อง เข้ามาสำรองราชการที่ส่วนกลาง ในระหว่างที่ดำเนินการสอบสวน เพราะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น และถือว่าการทำหน้าที่ส่วนนั้น ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ ก็ต้องให้ผู้อื่นที่เข้มแข็งไปทำหน้าที่แทน หากภายหลังการสอบสวน สืบสวนเพิ่มเติม พบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้อง ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมราชทัณฑ์ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง พร้อมกำชับให้รู้ผลเร็วภายใน 1-2 วัน และได้รับรายงานว่า กรมราชทัณฑ์ ได้ส่งนายณรงค์ จุ้ยเส่ย รองอธิบดีฝ่ายปฏิบัติการ ลงไปบัญชาการสถานการณ์ รวมทั้งมอบหมายให้อธิบดีดีเอสไอ ส่งทีมไปช่วยติดตามจับกุมตัวผู้ต้องขังที่หลบหนีด้วย เพื่อตรวจสอบคู่ขนาน ดังนั้นต้องทำให้ประชาชนหายสงสัย
มีรายงานว่า หน่วยข่าวกรองระบุด้วยว่า ขณะนี้นายเชาวลิต ยังคงหลบหนีซุกซ่อนอยู่ภายในพื้นที่ประเทศไทย โดยเบื้องต้นทราบพิกัดว่าอยู่บริเวณ “จังหวัดพัทลุง” ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างวางกำลังรอเข้าควบคุมตัว
ด้านพ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่าประเด็นที่ค่อนข้างให้ความสำคัญ คือ ต้องตรวจสอบด้วยว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มีส่วนเกี่ยวข้องในการวางแผนหลบหนีครั้งนี้ด้วยหรือไม่ เนื่องจากมีพิรุธหลายจุด ทั้งการเข้าไปรักษาในโรงพยาบาล ที่ปล่อยให้นักโทษจ้างคนภายนอกมาเฝ้าไข้ ทั้งที่เจ้าหน้าที่เรือนจำต้องเข้าเวรเฝ้าผู้ต้องขัง 2 คน จึงกลายเป็นประเด็นสงสัยว่า จับตาเฝ้าระวังกันอย่างไร
ส่วนกรณีการนำผู้ต้องขังหรือนักโทษรายสำคัญออกไปด้านนอกเรือนจำ เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการเป็นความลับ ญาติและคนภายนอกจะรู้ข่าวหรือความเคลื่อนไหวล่วงหน้าไม่ได้ เพื่อป้องกันการวางแผนหลบหนี แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนภายนอกรับรู้ จนมีการว่าจ้างคนไปเฝ้าไข้ จึงมีพิรุธถึงการปฏิบัติหน้าที่ หากเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย จะมีโทษร้ายแรงแน่นอน
#นักโทษหลบหนี
แฟ้มภาพ