ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันนี้ ยังถูกปัจจัยลบจากสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ส่งผลทำให้หุ้นไทยปิดตลาดวันนี้ หลุด 1,400 จุด โดยปิดตลาดที่ 1,399.35 จุด ลดลง 23.69 จุด มูลค่าการซื้อขาย 52,983.02 ล้านบาท หลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้เพิ่มขึ้น 61 หลักทรัพย์ ลดลง 508 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 84 หลักทรัพย์
ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยปัจจัยหลักยังคงมาจากปัจจัยสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสที่ยังคงยืดเยื้อต่อเนื่อง และกังวลสถานการณ์จะบานปลาย โดยเฉพาะความพยายามของประธานาธิบดีสหรัฐฯที่จะของบประมาณในการช่วยอิสราเอล ในการสู้รบกับกลุ่มฮามาส ทำให้สงครามอาจขยายวงกว้างขึ้น ทำให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยง
ขณะเดียวกันยังมีแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) รัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี พุ่งขึ้นต่อเนื่องแตะระดับเกือบ 5% หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ออกมาแสดงความเห็นในการที่ยังมีความจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดเงินเฟ้อ ทำให้ตลาดคาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ และเป็นปัจจัยที่กดดันต่อตลาดหุ้น
แนวโน้มในสัปดาห์หน้ายังคงต้องติดตามสถานการณ์สงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะเป็นอย่างไรต่อไป ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อทิศทางต่อตลาดหุ้น แต่มองว่าดัชนี SET ที่ปรับลดลงมาค่อนข้างมาก อาจจะเป็นจังหวะที่นักลงทุนระยะกลาง-ยาว สามารถทยอยเข้าสะสมได้ โดยให้แนวต้าน 1,410-1,420 แนวรับ 1,380-1,390 จุด
ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียวปิดลบในวันนี้ เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก ทำให้นักลงทุนวิตกว่าต้นทุนการกู้ยืมในสหรัฐฯจะพุ่งสูงขึ้น ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 31,259.36 จุด ลดลง 171.26 จุด
ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดลดลงในวันนี้ หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก หากเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่งและตลาดแรงงานยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว ดัชนีฮั่งเส็งปิดที่ระดับ 17,172.13 จุด ลดลง 123.76 จุด
#หุ้นไทยร่วง