กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกคำเตือนพลเมืองของตนในต่างประเทศให้เพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากมีความตึงเครียดเพิ่มขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก และมีความเสี่ยงสูงที่กลุ่มหัวรุนแรงจะก่อเหตุโจมตี
ในประกาศฉบับนี้ ไม่ได้ระบุชัดเจนถึงความขัดแย้งใดๆ แต่เกิดขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งในตะวันออกกลาง การชุมนุมประท้วงในหลายประเทศ และความโกรธแค้นต่อการโจมตีโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในฉนวนกาซา ซึ่งปาเลสไตน์กล่าวโทษอิสราเอลว่าเป็นผู้ที่โจมตีโรงพยาบาล แต่อิสราเอลปฏิเสธ และสหรัฐฯ ระบุว่า มีหลักฐานที่ชี้ชัดได้ว่า อิสราเอลไม่ได้เป็นผู้ที่โจมตีโรงพยาบาล
ส่วนที่เลบานอน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกประกาศในสัปดาห์นี้ เตือนพลเมืองของตนไม่เดินทางไป มีการชุมนุมประท้วงใกล้กับสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงเบรุตเมื่อวันพฤหัสบดี
นายเมอร์ริก การ์แลนด์ รัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ เปิดเผยว่า กระทรวงยุติธรรม ได้รับรายงานภัยคุกคามเพิ่มขึ้นต่อชุมชนชาวยิว มุสลิม และอาหรับในสหรัฐฯ ซึ่งเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา โดยมีภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นต่อชุมชนและสถาบันต่าง ๆ ของชาวยิว, ชาวมุสลิม และชาวอาหรับที่อยู่ในสหรัฐ ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ซึ่งตั้งแต่ในสัปดาห์ที่แล้ว เขามีคำสั่งให้สำนักงานอัยการทั้ง 94 แห่ง ร่วมด้วย เอฟบีไอ มีการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลกลาง, ระดับรัฐ และระดับท้องถิ่นในเขตต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด กระทรวงยุติธรรมจะใช้ความระมัดระวังในการรับมือกับอาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชัง, การข่มขู่ที่จะใช้ความรุนแรง หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อภัยคุกคามที่มีต่อชุมชนทางศาสนา
ทั่วทั้งสหรัฐฯ ยังมีการประท้วงและความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ทางการท้องถิ่นต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย ศูนย์กำกับดูแลเกี่ยวกับกลุ่มหัวรุนแรง (Center on Extremism – COE) รายงานว่า ในช่วงเวลา 1 สัปดาห์ มีการประท้วงเกิดขึ้นอย่างน้อย 140 ครั้ง กับมีการปลุกระดมให้มีการใช้ความรุนแรง การโจมตีพลเรือน และการคุกคามทางออนไลน์ต่อชาวยิวเพิ่มขึ้นถึง 400%
...
#สหรัฐอเมริกา
#ฮามาส
#อิสราเอล
#เตือนพลเมือง