จากกรณีนักเรียนชั้น ม.6 เครียดถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกโอนเงินดาวน์ผ่อนซื้อไอโฟน 13 ทางออนไลน์ เกือบ 2 หมื่นบาท สุดท้ายร้านปิดเฟซบุ๊กหนี เจ้าตัวเขียนจดหมายถึงแม่ให้ช่วยใช้หนี้ที่ขอยืมมาจากเพื่อน ก่อนตัดสินใจผูกคอเสียชีวิตในบ้านพักหมู่ 8 ต.เกาะทวด อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) ควบคุมตัว น.ส.ดอกแก้ว อายุ 23 ปี ที่บ้านใน จ.ชัยภูมิ มาสอบปากคำ หลังพบบัตรประชาชนว่าเป็นเจ้าของร้านมือถือที่หลอกเด็ก ม.6 โอนเงิน ก่อนผูกคอเสียชีวิต ควบคุมตัวลงบันทึกประจำวันที่ สภ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ หลังจากนี้จะพาไป สอท.ขอนแก่น
จากการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่เบื้องต้น น.ส.ดอกแก้ว ร้องไห้ และมีสีหน้าที่เคร่งเครียดเศร้าใจ เปิดเผยว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับมิจฉาชีพที่หลอกลวงเด็ก ม.6 เมื่อเจ้าหน้าที่ถามว่า เคยมีการสแกนใบในแอปพลิเคชันแปลกๆ หรือไม่ น.ส.ดอกแก้ว กล่าวว่า เคย จึงสันนิษฐานได้เบื้องต้นว่า คนร้าย อาจจะนำไปเปิดบัญชีออนไลน์ ก็เป็นได้
การตรวจสอบการโอนเงินของนักเรียนชั้น ม.6 พบว่าหมายเลขบัญชีที่รับโอนเงินถึง 4 ครั้ง เป็นบัญชีของน.ส.ดอกแก้ว ก่อนมีการเบิกถอนเงินสดออกจากบัญชีไปและมีการปิดช่องทางติดต่อสื่อสารทางออนไลน์ทุกช่องทางกับผู้เสียหาย
รายงานระบุว่า พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำ น.ส.ดอกแก้ว ให้การว่าไม่ได้เปิดบัญชีด้วยตัวเอง แต่มีคนมาถามว่าอยากมีรายได้ไหม และจ้างให้เปิดบัญชีให้โดยมีค่าจ้าง 300 บาท จึงตอบตกลง และทำตาม แต่ยังไม่ได้รับเงินค่าจ้าง แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อ เพราะจากการตรวจสอบพบบัญชีของ น.ส.ดอกแก้ว มีถึง 3 บัญชี จึงต้องขยายผลต่อ
ส่วนการติดต่อซื้อขายโทรศัพท์มือถือกับผู้เสียชีวิต น.ส.ดอกแก้ว ให้การว่า ติดต่อกันผ่านออนไลน์เมื่อช่วง 3 เดือนที่แล้ว และได้ทำการโอนเงินมาบัญชีม้า 4 ครั้ง รวมเป็นเงิน 18,500 บาท และจากการตรวจสอบบัญชีม้าของ น.ส.ดอกแก้ว พบว่า นอกจากจะมีเส้นทางการเงินของผู้เสียชีวิตแล้ว ยังมีเงินที่ถูกโอนเข้ามามีความเชื่อมโยงกับเหยื่ออีก 4 เคส ที่อยู่ในพื้นที่ ห้วยขวาง,หัวหมาก,บุคคโล และที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เชื่อว่าเป็นบัญชีที่ใช้ในการกระทำความผิด จะต้องสอบสวนต่อ
ตำรวจ แจ้งข้อหา ฉ้อโกงประชาชน และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยจะควบคุมตัวผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลอาญา รัชดา ในช่วงเช้าวันนี้ (19 ต.ค.66)
พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า เบื้องต้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. มีความห่วงใยเรื่องที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะเด็ก จึงมอบหมายให้ประสานกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เพื่อรับโอนคดีมา เนื่องจาก เป็นหน่วยที่มีความพร้อม และจะเร่งรัดคดีให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียชีวิต
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒนครบัญชา ผบช.สอท. เปิดเผยว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสีย คดีนี้ สอท.ได้ส่งทีมลงไปสนับสนุนข้อมูลกับตำรวจพื้นที่ ก่อนที่จะประสาน สภ.เกาะทวด ให้โอนคดีมาที่ สอท. เบื้องต้นได้มีการดำเนินการไปแล้ว 3 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ตอนนี้ได้ข้อมูลเส้นทางการเงินทั้งหมดแล้ว ส่วนที่ 2 การขอข้อมูลจากเฟซบุ๊ก ซึ่งได้ข้อมูลมาแล้ว และส่วนที่ 3 การขอข้อมูลจากเครือข่ายโทรศัพท์ เพื่อระบุตัวตนของเจ้าของเพจที่แท้จริง ทั้งนี้ หลังจาก สอท.ได้รับโอนคดีมา ก็ได้สั่งการให้ผู้บังคับการ สอท.5 เร่งรัดในการขอออกหมายจับให้ได้โดยเร็ว พร้อมเร่งรัดขอข้อมูลสนับสนุนทั้งหมดเพื่อนำผู้ร่วมขบวนการทั้งหมดมาลงโทษ
#หลอกขายโทรศัพท์
CR:ขอบคุณข้อมูล ผู้พิทักษ์, ภาพ ศูนย์ข่าวชัยภูมิ เพื่อคนชัยภูมิ