*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้เวลา08.30น.*

08 พฤษภาคม 2558, 08:55น.


+++เรื่องการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ยืนยันว่า การร่างรัฐธรรมนูญขณะนี้ยังเป็นไปตามโรดแม็พ การประชุมร่วมระหว่างคณะรัฐมนตรี(ครม.) และ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช. )ในวันที่ 19 พ.ค. จะต้องมีความชัดเจนว่าจะเสนอให้มีการแก้รัฐธรรมนูญในประเด็นใดบ้าง เพื่อส่งความเห็นให้แก่คณะกรรมาธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อแก้ไขเสร็จก็ส่งให้สภาปฎิรูปแห่งชาติ( สปช.)พิจารณาต่อไปหากไม่ผ่าน สปช.ก็ต้องมีการแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาใหม่ แต่หาก สปช.ผ่านร่างรัฐธรรมนูญจะต้องรอ เวลาทำกฎหมายลูกโดยใช้ระยะเวลาประมาณ 1-3 เดือน ขณะเดียวกัน ก็ต้องรอให้แม่น้ำ 5 สาย มีความเห็นร่วมกันว่าจะทำประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งหากตัดสินใจทำประชามติก็ต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี 2557 รวมถึงต้องใช้งบประมาณถึง 3,000 ล้านบาท ในการทำประชามติ ถ้าไม่ผ่านก็ต้องทำร่างรัฐธรรมนูญ และทำประชามติอีกรอบแต่หากรัฐธรรมนูญผ่านก็จะมีการเลือกตั้งไปตามโรดแม็พ ส่วนเรื่อง การปฏิรูปก็ต้องรอให้รัฐบาลใหม่เข้ามาทำต่อและต้องทำให้ดีกว่าที่ทำไว้



+++ความเคลื่อนไหวด้านเศรษฐกิจภาพรวม นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอแพ็คเกจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อนายกฯ ที่จะมากระทรวงการคลัง ในวันศุกร์ที่ 29 พ.ค. สำหรับแพ็คเกจที่เสนอจะเน้นไปที่การดูแลเกษตรกร กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี และกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจขณะนี้ หากได้รับการดูแลเพิ่มขึ้น จะเป็นส่วนสำคัญในการ กระตุ้นเศรษฐกิจด้วย จะทำอย่างไรให้เกษตรกรเหล่านี้ สามารถขายสินค้าได้ราคาที่สูงขึ้น กระทรวงการคลัง ได้หารือกับ ภาคเอกชน โดยเฉพาะในกลุ่มสถาบันการเงิน ทั้งธนาคารพาณิชย์เอกชนและแบงก์รัฐ เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือ ซึ่งแนวทางหลักที่ช่วยได้ คือ การปล่อยสินเชื่อ กลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี นำสินค้าเกษตรมาแปรรูป เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรต่างๆ โดยสถาบันการเงินจะสนับสนุนด้านเงินทุนให้ ขณะนี้กำลังคิดร่วมกันว่า เรื่องอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ จะผ่อนปรนได้มากน้อยเพียงใด และรัฐบาลจะช่วยสนับสนุนด้านใดได้บ้าง  ส่วนภาคธุรกิจท่องเที่ยว นายรังสรรค์ กล่าวว่า ภาคธุรกิจนี้ ถือเป็นภาคธุรกิจใหญ่ เพราะมีธุรกิจเกี่ยวเนื่องจำนวนมาก กระทรวงการคลังจึงคิดที่จะเข้ามาสนับสนุนให้เกิดการกระตุ้นการท่องเที่ยวโดยใช้นโยบายการคลัง โดยการนำค่าใช้จ่ายจากที่พักและการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ มาลดหย่อนภาษีได้ แต่ก็คิดว่า จะเพิ่มเติมมาตรการลดหย่อนด้วยวิธีต่างๆ ได้อีก หรืออาจจะให้สิทธิในการลดหย่อนได้มากขึ้น ขณะนี้ได้มอบหมายให้กรมสรรพากรไปหาแนวทางลดหย่อนให้เพิ่มขึ้นแล้ว



+++เรื่องเงินบาทที่อ่อนค่าลงต่อเนื่อง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงมากที่สุดในรอบ 5 ปี ว่า เป็นผลจากการลดดอกเบี้ยนโยบาย และการผ่อนคลายมาตรการทางการเงินของธนาคารแห่งประเทศ ไทย (ธปท.) เชื่อว่าแนวโน้มเงินบาทจะอ่อนค่าลงอีก เนื่องจากขณะนี้รัฐบาลกำลังเตรียมอนุมัติมาตรการต่าง ๆ เพื่อให้ใช้ได้จริง จะทำให้เห็นการซื้อเงินดอลลาร์และขายเงินบาทมากกว่านี้ และส่งผลดีต่อการส่งออก ซึ่งต้องชมธปท.ที่ออกมาตรการได้จังหวะ ทำให้เงินทุนไหลเข้าออกมีความสมดุล และผู้ส่งออกหายใจได้มากขึ้น



+++เวลา 15.00 น. นาย เอ็กเซล แวน ทรอทแซนเบิร์ก รองประธานธนาคารโลกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก หารือ เข้าเยี่ยมหารือกับ ม.ร.ว. ปรีดิยาธร ที่ทำเนียบรัฐบาล



+++นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธปท. ยอมรับว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกที่ผ่านมาฟื้นตัวต่ำกว่าที่คาดไว้จากการส่งออกที่ชะลอตัว แต่ทั้งนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นกับประเทศไทยเท่านั้น ที่สำคัญคือผู้ประกอบการจะต้องเร่งปรับตัวให้มากขึ้น กรณีที่ธปท.ออกมาตรการเงินทุนเคลื่อนย้ายนั้น เห็นว่าช่วยให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้บ้าง แต่ทั้งนี้ ก็มีมาตรการอื่นร่วมด้วยเช่น ลดดอกเบี้ย รวมถึงภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯเข้มแข็ง ส่วนเงินบาทจะอ่อนค่ามากน้อยแค่ไหนเป็นเรื่องที่ต้องติดตามต่อไป ทุกอย่างต้องทำแบบเหมาะสม ทั้งการเงิน การคลัง



+++ส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทย นักลงทุนต่างชาติ ทยอยขายหุ้นไทยต่อเนื่อง หนีเงินบาทอ่อนค่าและเศรษฐกิจไทยชะลอตัว กดดัชนีหุ้นวานนี้หลุดระดับ 1500 จุด เกิดแรงเทขายในหุ้นขนาดใหญ่ ทั้งในกลุ่มธนาคาร กลุ่มพลังงาน และหุ้นสื่อสาร ส่งผลดัชนีปิดการซื้อขายที่ 1498.31 จุด ปรับตัวลดลง 21.57 จุด มูลค่าซื้อขาย 45,958 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 31 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 341 ล้านบาท



+++ นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า การเคลื่อนไหวดัชนีหุ้น มีการปรับตัวลดลง เป็นผลมาจากการประกาศผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในไตรมาสแรก ออกมาต่ำกว่าที่นักลงทุนคาดการณ์ และส่งผลต่อความกังวลต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ที่จะประกาศออกมาในวันที่ 15 พ.ค. อาจต่ำกว่า ที่คาดหมาย ทำให้เกิดแรงเทขาย นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเศรษฐกิจในยูโรโซน โดยเฉพาะกรีซ จะมีทางออกอย่างไร รวมไปถึงความชัดเจนของการปรับเพิ่มขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ ส่วนปัจจัยภายในประเทศ ทั้งการเติบโตของเศรษฐกิจที่ไทยที่ต่ำกว่าคาด และอาจมีความกดดันในการปรับลดจีดีพี รวมไปถึงปัจจัยการเมือง ทั้งการร่างรัฐธรรมนูญ รวมไปถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในครึ่งต่อไปจะมีท่าทีอย่างไรต่อดอกเบี้ยนโยบายจะมีการปรับลดดอกเบี้ยหรือไม่



+++ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันที่ 7 พ.ค. ในแดนบวก โดยดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 82.08 จุด ปิดที่ 17,924.06 จุด ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 7.85 จุด  ปิดที่ 2,088.00 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็กเพิ่มขึ้น 25.91 จุด  ปิดที่ 4,945.55 จุด ปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกในวันพฤหัสบดี คือการลดลงของราคาน้ำมันดิบไปอยู่ต่ำกว่า 60 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรลอีกครั้ง และการลดลงของผลตอบแทนของพันธบัตร (ผลตอบแทนของพันธบัตร) ก็ช่วยผ่อนคลายความกังวลให้นักลงทุน



+++น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 1.99 ดอลลาร์ ปิดที่ 58.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 2.23 ดอลลาร์ ปิดที่ 65.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันทั้งสองสัญญาทำสถิติปิดสูงสุดในรอบปีเมื่อวันพุธ หลังข้อมูลกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ เปิดเผยคลังน้ำมันดิบสำรองรายสัปดาห์ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่าแม้จะลดลง 3.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว แต่สต๊อกน้ำมันดิบก็ยังอยู่ที่ 487.0 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเท่าที่เคยพบมาหากนับเฉพาะในช่วงเวลานี้ของปี



+++ราคาน้ำมันในประเทศ นายณรงค์ชัย  อัครเศรณี  รมว.พลังงาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า  สถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกในขณะนี้ ราคาน้ำมันดิบดูไบมีความผันผวนอยู่ในระดับสูงที่ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล  และเชื่อว่าแนวโน้มต่อไปเฉลี่ยอยู่ที่ 60-70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จะไม่ลดลงไปถึงระดับ 30-40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เช่นเดียวกับที่ผ่านมาอีก แต่จะไม่ขึ้นไปสูงถึงระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลอย่างในอดีต  ราคาน้ำมันอยู่ในช่วงทิศทางขาขึ้นแล้ว คงจะไม่ลงมาในระดับ 30-40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลแบบแต่ก่อนแล้ว



+++ราคาทองคำ  ปิดลบพอสมควร โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 8.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,182.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังตัวเลขภาคแรงงานรายสัปดาห์ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เป็นผลให้นักลงทุนลดความนใจสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ 



+++การปรับมาตรฐานการบิน พอ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม ประชุมคณะกรรมการอำนวยการเพื่อแก้ปัญหาผลกระทบที่เกิดจากการตรวจสอบขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอซีเอโอ) ว่า กระทรวงจะจัดทำแก้ไขข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญ ต่อความปลอดภัยด้านการบิน (เอสเอสซี) ด้านการขนส่งวัตถุอันตราย และการออกใบอนุญาตการบินฉบับสมบูรณ์เสร็จในวันที่ 10 พ.ค.  เพื่อเสนอให้นายกฯ รับทราบ ก่อนให้ไอซีเอโอ พิจารณา ส่วนวันที่ 22 พ.ค. จะเสนอให้นายกฯพิจารณาใช้อำนาจตามมาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 เพื่อแก้โครงสร้างของกรมการบินพลเรือน โดยแยกหน่วยงานกำกับและบริหารออกจากกัน เพื่อให้มีผลบังคับใช้ทันต้นเดือน มิ.ย.นี้ พร้อมกับลงนามจัดตั้งองค์กรตามโครงสร้างใหม่ และใช้เวลาในการย้ายสำนักงานอีก 3-4 เดือน  



 

ข่าวทั้งหมด

X