นาง คริสตาลินา จอร์เจียวา กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ เปิดเผยว่าความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ฮามาส จะเพิ่มแรงกดดันต่อเศรษฐกิจโลกที่ “มืดมน” อยู่แล้วให้เลวร้ายลงอีก ไอเอ็มเอฟ กำลังติดตามว่าสถานการณ์จะพัฒนาไปอย่างไร และส่งผลกระทบอย่างไร โดยเฉพาะกับตลาดน้ำมันโลก โดยพบว่าราคาน้ำมันมีความผันผวนเกิดขึ้นแต่ยังถือว่าเร็วเกินไปที่จะชี้ชัดได้ว่าเกิดขึ้นจากความขัดแย้ง
คำกล่าวของนางจอร์เจียวา มีขึ้นในระหว่างการแถลงข่าวการประชุมประจำปีของไอเอ็มเอฟและธนาคารโลก ที่เมืองมาร์ราเกช ประเทศโมร็อกโก ซึ่งเธอกล่าวด้วยว่าแรงกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง (severe shocks) กำลังจะกลายเป็น “ความปกติใหม่” (new normal) ในระบบเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลให้การเติบโตของเศรษฐกิจเป็นไปอย่างอ่อนแอ เป็นอุปสรรคต่อการกระจายตัวทางเศรษฐกิจ และทำให้เกิดความแตกต่างของรายได้ที่กว้างมากขึ้น ทั้งมีแนวโน้มที่ธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงต่อไปเพื่อควบคุมภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งเธอเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ สร้างความร่วมมือเพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลาม
นาย บรูโน เลอ แมร์ รัฐมนตรีคลังของฝรั่งเศส กล่าวว่า ความขัดแย้งในภูมิภาคที่ขยายตัวออกไปจะนำไปสู่ปัญหาราคาพลังงานและอาจทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย เช่นเดียวกับความขัดแย้งในตะวันออกกลางในอดีต
ความเสี่ยงที่รัฐมนตรีคลังฝรั่งเศส กล่าวถึง คือการที่กองทัพอิสราเอลเตรียมบุกฉนวนกาซาเพื่อกวาดล้างกลุ่มฮามาส และกองกำลังติดอาวุธในเลบานอนและซีเรียที่สนับสนุนกลุ่มฮามาสจะเข้าร่วมการสู้รบ ที่อาจทำให้อิสราเอลเข้าสู่ความขัดแย้งโดยตรงกับอิหร่าน ซึ่งเป็นผู้จัดหาอาวุธและเงินให้กับกลุ่มฮามาส
บลูมเบิร์กคาดว่า ราคาน้ำมันอาจสูงถึง 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และการเติบโตทั่วโลกลดลงเหลือร้อยละ 1.7 เนื่องจากภูมิภาคนี้เป็นผู้จัดหาพลังงานที่สำคัญและเป็นช่องทางการขนส่งที่สำคัญ
....
#ไอเอ็มเอฟ
#เศรษฐกิจโลก
#ฮามาส
#อิสราเอล
#นิวนอมอล