+++ติดตามการเลือกตั้งทั่วไปในอังกฤษ ปิดหีบการลงคะแนนไปแล้ว การเปิดคูหาเลือกตั้งจำนวน 50,000 คูหา ได้เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 07.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงเวลา 13.00 น.ตามเวลาในไทยช่วงบ่ายวานนี้ และปิดหีบบัตรเลือกตั้งในเวลา 22.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลาประมาณ 04.00 น.ตามวันเวลาในไทย ซึ่งจะทราบผลเลือกตั้งเบื้องต้นในช่วงบ่ายของวันศุกร์นี้ ตามวันเวลาท้องถิ่น ประชาชนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงราว 50 ล้านคน ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ส.ส. จำนวนทั้งสิ้น 650 ที่นั่ง โดยแบ่งเป็นอังกฤษ 533 ที่นั่ง สกอตแลนด์ 59 ที่นั่ง เวลส์ 40 ที่นั่ง และไอร์แลนด์เหนือ 18 ที่นั่ง ควบคู่กับการเลือกสมาชิกสภาท้องถิ่นกว่า 9,000 ที่นั่ง รวมทั้งการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีในหลายเมือง ยกเว้นกรุงลอนดอน
+++ผลสำรวจความคิดเห็น หรือโพลล์ ที่มีคะแนนนิยมของผู้สมัครของพรรคการเมืองใหญ่ทั้งสองพรรคได้แก่ พรรคอนุรักษ์นิยม และพรรคแรงงาน สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า EXIT POLL รายงานว่า พรรคอนุรักษ์นิยมได้ 316 ที่นั่ง และ พรรคแรงงานได้ 239 ที่นั่ง การเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้ได้รับการจับตามองอย่างมาก เนื่องจากเป็นการแข่งขันทางการเมืองที่สูสีที่สุดในรอบหลายทศวรรษระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่ คือพรรคอนุรักษ์นิยมของนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน และพรรคแรงงานซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านที่นำโดยของนายเอ็ด มิลิแบนด์ การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงสามารถใช้สิทธิ์ออนไลน์ได้ นอกเหนือจากการลงคะแนนทางไปรษณีย์ และทุกฝ่ายคาดว่า ไม่น่าจะมีพรรคใดครองเสียงข้างมากได้เกินกว่า 326 ที่นั่ง การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่จึงยังเป็นรัฐบาลผสมเหมือนเดิม
+++ไปที่อิตาลี ท่าอากาศยานฟีอูมีชีโน ซึ่งเป็นท่าอากาศยานหลักในกรุงโรมและมีผู้คนพลุกพล่านที่สุดในอิตาลี เกิดเพลิงไหม้เมื่อช่วง 05.00 น.เช้ามืดเมื่อวานนี้ ตามเวลาในไทย ที่อาคาร 3 ซึ่งเป็นอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ล่าสุดมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่สามารถเปิดให้บริการได้เกือบปกติแล้วเมื่อช่วงค่ำวานนี้ เจ้าหน้าที่คนหนึ่ง เปิดเผยว่า เพลิงไหม้อย่างรุนแรง สันนิษฐานว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรในห้องควบคุมไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการซ่อมบำรุงในย่านร้านค้า ทำให้ร้านค้าเสียหายจำนวนมาก ขณะที่แหล่งข่าวตำรวจกล่าวว่า ไม่เห็นสิ่งบ่งชี้ว่าเป็นการวางเพลิง อย่างไรก็ดี ผลการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ มีผู้สำลักควันอย่างน้อย 3 คน
+++สำนักงานบรรเทาเหตุฉุกเฉินในรัฐโอกลาโฮมาของสหรัฐฯ ระดมกำลังช่วยเหลือประชาชนในเมืองโอกลาโฮมาซิตี้ ที่ได้รับผลกระทบจากพายุทอร์นาโดหลายลูกเคลื่อนผ่านพื้นที่ตั้งแต่วันพุธที่ 6 พ.ค. ทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 10 คน รถยนต์หลายคันถูกพายุพัดได้รับความเสียหาย รวมถึงต้นไม้และเสาไฟฟ้าหักโค่น ส่งผลให้ไฟดับกระทบต่อบ้านเรือนประชาชนราว 10,000 หลังคาเรือน ทั้งยังเกิดน้ำท่วมฉับพลันจนต้องปิดเส้นทางสายหลักเชื่อมต่อระหว่างรัฐ สาย ไอ-35 ขณะที่สนามบินวิล โรเจอร์ เวิลด์ สั่งอพยพผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่เข้าไปหลบภัยในอุโมงค์นาน 35 นาที เพราะมีพายุหมุนเคลื่อนผ่าน ส่งผลให้หลายเที่ยวบินประสบเหตุล่าช้า แต่ไม่มีความเสียหายร้ายแรงเกิดขึ้นกับสนามบิน ขณะที่สำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งสหรัฐฯประกาศเตือนประชาชนในรัฐเท็กซัสและรัฐเนบราสกา เฝ้าระวังภัยจากพายุทอร์นาโดที่เคลื่อนผ่านพื้นที่ทั้ง 2 รัฐต่อจากรัฐโอกลาโฮมา จะส่งผลให้เกิดฝนกระหน่ำและพายุหมุน
+++สถาบันวิทยาภูเขาไฟและแผ่นดินไหวของฟิลิปปินส์ ประกาศเตือนประชาชนใน จ.ซอร์โซกอน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงมะนิลา เฝ้าระวังภัยหลังจากเมื่อวานนี้ ภูเขาไฟบูลูซัน พ่นควันเถ้าสูงกว่า 250 เมตรสู่ท้องฟ้า
+++สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว ของญี่ปุ่น ประกาศเตือนคนไทยที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวชาวไทย ระมัดระวังอย่าเข้าใกล้จากรายงานสถานการณ์ภูเขาไฟฮาโกเนะ บริเวณโอวาคุดานิ และคามิยามะ ทางตอนกลางของจังหวัดคานากาวะ ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น ประกาศยกระดับระวังภัยภูเขาไฟระเบิด จากเดิมระดับ 1 (สถานการณ์ปกติ) ขึ้นเป็นระดับ 2 (จำกัดห้ามเข้าบริเวณพื้นที่เสี่ยง) บริเวณโอวาคุดานิ จึงขอให้บุคคลที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงและนักท่องเที่ยว ติดตามข่าวสารจากทางการญี่ปุ่นด้วย
+++บีบีซี รายงานว่า นายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวในการแถลงข่าวในกรุงริยาดห์ของซาอุดิอาระเบียว่า ซาอุดิอาระเบียจะเสนอให้มีการหยุดยิง 5 วันในเยเมน เพื่อให้มีการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ระบุว่าขณะนี้ซาอุดิอาระเบียและกลุ่มกบฏชาวเยเมนอยู่ระหว่างหารือกันว่าจะเริ่มต้นการหยุดยิงเมื่อใด นายแคร์รี กล่าวว่า ทั้งสหรัฐฯและซาอุดิอาระเบียจะไม่ส่งทหารราบบุกเข้าไปยังเยเมน
+++รัฐมนตรีต่างประเทศของซาอุดิอาระเบีย ระบุว่า การหยุดยิงจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ กลุ่มกบฏของเยเมนต้องให้ความร่วมมือด้วย ซาอุดิอาระเบีย พร้อม 9 พันธมิตรชาติอาหรับ ได้โจมตีทางอากาศยังกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน เมื่อ 6 สัปดาห์ก่อน มีผู้เสียชีวิตราว 1,400 ศพ และบาดเจ็บราว 6,000 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือนในเมืองอาเดน ทางภาคใต้ของเยเมน
+++สื่อของทางการอิหร่าน รายงานอ้างแหล่งข่าวจากองค์การการท่าเรือและการเดินทะเลของอิหร่านว่า อิหร่านได้ปล่อยเรือสินค้าเมอส์ก ไทกริส ที่ติดธงของประเทศหมู่เกาะมาร์แชล หลังแล่นเข้าในช่องแคบฮอร์มุซ เมื่อสัปดาห์ก่อน เรือลำนี้พร้อมลูกเรือ 24 คนถูกหน่วยดูแลชายฝั่งของอิหร่านจับกุม ขณะแล่นผ่านช่องแคบฮอร์มุซ ลูกเรือยืนยันยันว่าแล่นอยู่ในน่านน้ำสากล แต่อิหร่านระบุว่าแล่นอยู่ในน่านน้ำอิหร่าน
+++ผู้ประท้วงบุรุนดี จับชายคนหนึ่งเผาทั้งเป็นในเมืองหลวง อ้างเหยื่อเป็นสมาชิกฝ่ายเยาวชนของพรรครัฐบาล ซึ่งเคยเล่นงานพวกเขาระหว่างการเดินขบวนต่อต้านความพยายามดำรงตำแหน่งเป็นสมัย 3 ของประธานาธิบดี ผู้ชุมนุมปักหลักบนท้องถนนของกรุงบูจุมบูรา มาเกือบ 2 สัปดาห์ ขว้างปาก้อนหินใส่ตำรวจและกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ยิงกระสุนจริงเข้าใส่ แต่ตำรวจปฏิเสธ ฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลบอกว่าศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 26 มิ.ย. ควรเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากเหตุความไม่สงบ แต่โฆษกของประธานาธิบดีปิแอร์ เอ็นคูรันซิซา ยืนยันว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องดำเนินการตามนั้น เหตุเพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศยังคงอยู่ในความสงบ
+++กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) เผยแพร่รายงานทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก ฉบับล่าสุด ระบุคาดการณ์ว่า ภูมิภาคนี้จะมีอัตราการเจริญเติบโตร้อยละ 5.6 ในปีนี้ ก่อนที่จะชะลอตัวลงเล็กน้อยอยู่ที่ร้อยละ 5.5 ในปีหน้า โดยมีแนวโน้มชะลอลงตามเศรษฐกิจจีน ซึ่งเข้าสู่ช่วงการเติบโตอย่างยั่งยืนแทนการเติบโตอย่างร้อนแรงในอัตราเลข 2 หลักในตลอด 10 ปีหลังมานี้ ชาง ยอง รี ผู้อำนวยการฝ่ายเอเชีย-แปซิฟิกของไอเอ็มเอฟ แถลงว่า อัตราการเจริญเติบโตปัจจุบันของจีน สอดคล้องกับการคาดการณ์ของทางกองทุนฯ และส่งผลกระทบต่อประเทศอื่นๆ ด้วย ระดับหนี้ที่เพิ่มขึ้นและการชะงักงันในตลาดการเงิน ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเติบโตต่อไปของจีน สำหรับภาพรวม รายงานประเมินว่า ราคาน้ำมันที่ถูกลงอาจช่วยส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจโลกได้ร้อยละ 0.3-0.7 ในปีนี้ และแม้ประเทศผู้ส่งออกน้ำมันจะประสบปัญหาจากรายได้ที่ลดลง แต่ประเทศอย่างญี่ปุ่น จีน และไทย จะได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันขาลงทั้งในเรื่องธุรกิจและการบริโภค
+++เกิดเหตุคนร้าย 4 คน บุกปล้นร้านคาร์เทียร์ ย่านลาครัวแซตต์ ในเมืองคานส์ของฝรั่งเศส กวาดอัญมณีและนาฬิกาหรูรวมมูลค่า 17.5 ล้านยูโร (ราว 665.78 ล้านบาท) ก่อนที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์จะเริ่มขึ้นในสัปดาห์หน้า คนร้ายคนหนึ่งสวมหน้ากากคนแก่ถือปืนบุกเข้ามาในร้าน เปิดทางให้คนร้ายอีกสองคนที่มีผ้าพันคอพันใบหน้าบุกเข้ามากวาดทรัพย์สิน ขณะที่คนร้ายอีกคนคุมเชิงอยู่นอกร้าน ขณะเกิดเหตุมีเพียงพนักงาน 2 คน และลูกค้า 1 คน กลุ่มคนร้ายรีบหนีขึ้นรถ จนกระทั่งนาฬิกาหรูหลายเรือนร่วงหล่นตามบาทวิถี ตำรวจพบรถถูกเผาทิ้งไว้ในย่านที่พักอาศัยแห่งหนึ่ง เป็นรถที่ถูกขโมยมาตั้งแต่เดือนมีนาคม และกำลังสืบรูปพรรณคนร้ายจากกล้องวงจรปิดภายในร้าน ร้านแห่งนี้อยู่ติดกับโรงแรมคาร์ลตัน ซึ่งเคยถูกคนร้ายบุกเดี่ยวเข้าไป ขณะจัดแสดงอัญมณีเมื่อเดือนกรกฎาคม 2556 กวาดอัญมณีมูลค่ากว่า 140 ล้านยูโร (กว่า 5,325 ล้านบาท) แล้วหนีปะปนไปกับฝูงชน
+++สำนักข่าวเอเอฟพี ระบุว่า เมืองคานส์ตกเป็นเป้าหมายของคนร้ายที่เล็งลงมือในช่วงที่จะมีเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ประจำปี เนื่องจากเป็นช่วงที่ร้านอัญมณีหรูมักนำเครื่องเพชร อัญมณีและนาฬิกาที่คัดสรรแล้วมารอต้อนรับบรรดาคนดังและผู้มีชื่อเสียงจากทั่วโลกที่จะมาร่วมงานอย่างคับคั่ง สำหรับงานปีนี้จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 13-24 พ.ค.