การพิจารณาการถือหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ล่าสุด สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญแจ้งว่า ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการอภิปรายเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ว่าสมาชิกภาพสส.ของนายพิธา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6)ประกอบมาตรา 98(3)หรือไม่ จากกรณีมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวีจำกัด (มหาชน)ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดอยู่ในวันที่สมัครรับเลือกตั้งสส.แบบบัญชีรายชื่อ และคดีที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร อดีตทนายความพระพุทธะอิสระ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ว่าการกระทำของนายพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 2 ที่เสนอร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่...)พ.ศ...เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งและยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่
และต่อมาผู้ถูกร้องทั้งสองยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาพร้อมบัญชีระบุพยานฉบับลงวันที่ 26 ก.ย. 66 นั้น โดยทั้งสองคดีศาลฯเห็นว่า เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาให้บุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นและจะส่งเอกสารหลักฐานตามที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วันนับแต่วันได้รับหนังสือ
เช่นเดียวกับกรณีที่ ศาลอาญาส่งคำโต้แย้งของ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคก้าวไกล จำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ 683 / 2565 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 212 ว่าพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พ.ศ. 2550 มาตรา 14 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26 และมาตรา 34 หรือไม่ โดยศาลฯเห็นว่า เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นและจัดส่งสำเนาเอกสารหลักฐาน ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือ
#พิธาถือหุ้นสื่อ
#ก้าวไกล
#ศาลรัฐธรรมนูญ