การแถลงปิดคดีถอดถอนจากการทุจริตขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจี ทู จี ด้วยวาจาของนาย บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์นาย บุญทรง ระบุว่า การระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐมีระเบียบขั้นตอนปฏิบัติเป็นกรอบการทำงานที่ตรวจสอบได้ นอกจากนี้ยังมีเอกสารจาก คณะกรรมการควบคุมและบริหารทรัพย์สินของรัฐบาลมณฑลกว้างตุ้งและไห่หนานที่ยืนยันว่า สองรัฐวิสาหกิจที่ทำสัญญาซื้อขายข้าวเป็นรัฐวิสาหกิจของจีนจริง แต่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต หรือ ปปช.ปฏิเสธที่จะรับฟังมาโดยตลอด ดังนั้นกระบวนการพิจารณาของ ปปช. จึงเป็นเหมือนการตั้งธง ไว้ตั้งแต่ต้น เหมือนเป็นการให้ความยุติธรรมที่ถูกอำพรางความจริงไว้ พร้อมระบุช่วงท้ายว่า สนช. ควรชะลอการถอดถอนไว้ก่อน เพื่อรอคำตัดสินจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้มีคำพิพากษาถึงที่สิ้นสุดก่อน และยืนยันว่าตัวเองไม่เคยหลอกลวงประชาชน และขอปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา
ด้านนาย ภูมิ เปิดเผยว่า การทำหน้าที่ประธานอนุกรรมาธิการระบายข้าวของตัวเอง เป็นไปอย่างสุจริต และต้องระบายข้าวอย่างเร่งด่วน เพื่อให้มีเงินทุนหมุนเวียนในโครงการสำหรับรอบปีต่อไป และจากการสำรวจพบ ว่ามีข้าวที่มีคุณภาพได้มาตราฐานเพียงร้อยละ 30 เท่านั้น ส่วนยุทธศาสตร์การระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือ จีทูจี ในขณะนั้น ได้คำนึงถึงสถานการณ์สภาวะตลาดโลกและคุ่แข่งทางการค้า ทำให้รัฐบาลเห็นว่า การระบายข้าวด้วยวิธีดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ต่อประเทสสูงสุด พร้อมตั้งข้อสังเกตุว่าการพิจารณาของ ปปช.พยายาม เชื่อมโยงประเด็นว่า ตัวเองมีความสัมพันธ์ในการทำสัญญากับบริษัทไห่หนาน ทั้งที่ในความจริง มีความสัมพันธ์ทางสัญญากับเพียงบริษัท กว่างตุ้งเท่านั้น และระบุว่าหาก สนช.พิจารณาถอดถอนแล้ว แต่ศาลฏีกาพิพากษายกฟ้องในคดีอาญา ที่ประชุม สนช.จะมีมาตรการณ์เยียวยาความเสียหายหรือไม่ หลังจากเสร็จสิ้นการแถลงปิดคดีแล้ว นาย พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. ได้ชี้แจงต่อสมาชิกสนช.โดยกำหนดวันลงมติถอดถอนในวันพรุ่งนี้ เวลา 10.00น.