อาจารย์เศรษฐศาสตร์ได้ออกแถลงการณ์ขอให้รัฐบาลทบทวนนโยบายแจกเงิน ดิจิทัล 1 หมื่นบาท โดยระบุว่า นักเศรษฐศาสตร์ที่มีรายชื่อข้างล่าง 80 คน รวมถึง 2 อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย คือ ดร.วิรไท สันติประภพ และ ดร.ธาริษา วัฒนเกส มีความเห็นสอดคล้องกันที่จะขอให้รัฐบาลทบทวนนโยบายแจก เงินดิจิทัล 10,000 บาท ด้วยความรอบคอบอีกสักครั้ง เพราะเป็นนโยบายที่ได้ไม่คุ้มเสีย ด้วยเหตุผล เช่น เศรษฐกิจกำลังอยู่ในภาวะฟื้นตัวตามศักยภาพ จึงไม่มีความจำเป็นที่รัฐจะต้องใช้จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อกระตุ้น การบริโภคภายในประเทศ เพราะที่ผ่านมาการบริโภคภายในประเทศยังคงขยายตัวได้ดีเมื่อเทียบกับการส่งออก เงินงบประมาณของรัฐที่มีจำกัดย่อมมีค่าเสียโอกาสเสมอ เงินจำนวนมากถึงประมาณ 560,000 ล้านบาทนี้ ทำให้รัฐเสียโอกาสที่จะลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
การกระตุ้นเศรษฐกิจให้รายได้ประชาชาติ (GDP) ขยายตัวโดยรัฐแจกเงินจำนวน 560,000 ล้านบาทเข้าไปในระบบ เป็นการคาดหวังที่เกินจริง
สำหรับประเทศที่เข้าสู่สังคมสูงวัยเช่นประเทศไทย การเตรียมตัวทางด้านการคลังเป็นสิ่งจำเป็น ขณะที่จำนวนคนในวัยทำงานลดลง แต่สัดส่วนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ภาระการใช้จ่ายทางด้านสวัสดิการและสาธารณสุขจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ผู้บริหารประเทศที่มองการณ์ไกล จึงควรใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า และรักษาวินัยและเสถียรภาพทางด้านการคลังอย่างเคร่งครัด
ล่าสุดวันนี้ [ 6 ตุลาคม 2566 ] ‘ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์, รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่าน X ว่า: เรื่องเงินดิจิทัล 10,000 บาท นายกฯ เศรษฐา บอกว่า พร้อมรับฟังความเห็น จากอดีตผู้ว่า ธปท. พยายามนำไปปรับปรุงโครงการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ตให้เหมาะสม บอกเป็นไปไม่ได้ไม่ให้แจกทุกคน
โดยนายกฯ ย้ำว่า จำเป็นต้องรับฟัง แต่อย่างไรก็ตาม นโยบายแจกเงินดิจิทัล เป็นนโยบายหลักของรัฐบาล อาจมีการปรับปรุง หรือว่าดูแลให้มันเหมาะสมขึ้น รับฟังความคิดเห็นทั้งหมดของทุกๆท่าน
ส่วนในกรณีที่มีการเสนอว่าไม่ต้องแจกให้กับผู้ที่อายุ 16 ปีขึ้นไปทุกคน นายกฯ ยืนยันว่าจะต้องแจกให้กับทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปเหมือนเดิม
แต่หากผู้ที่อายุมากกว่า 16 ปีขึ้นไป เป็นผู้ที่มีฐานะร่ำรวยมาก ได้รับเงินดิจิทัลมาแล้วหากไม่จำเป็นต้องใช้ เงินจำนวน 10,000 บาท ก็กลับเข้าสู่การคลังอยู่แล้ว
#ทบทวนแจกเงิน