นายฐิติธร บุพพารัมณีย์ นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจอาวุธปืนแห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกคำสั่ง 8 มาตรการระยะสั้น ควบคุมอาวุธปืนและสิ่งเทียมปืน เพื่อคุมเข้มอาวุธปืนป้องกันเหตุอาชญากรรมว่า การควบคุมเรื่องอาวุธปืน อยากให้มองมิติและพุ่งเป้าไปที่อาวุธปืนเถื่อนมากกว่าที่สร้างปัญหา ส่วนปืนมีทะเบียนนายทะเบียนควบคุมอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว ผู้ครอบครองปืนก็ปฏิบัติตามกฎหมาย และเป็นการกระทบสิทธิสุจริตชนในกลุ่มที่มีความจำเป็นจริงๆ อย่างผู้ที่ต้องการดูแลทรัพย์สินและชีวิตตนเอง เช่น การขโมยวัวควาย พืชผลผลิตทางการเกษตร การปล้นบ้านประชาชน ทั้งนี้ กลุ่มครอบครองปืนถูกกฎหมายมี 3 กลุ่มหลัก คือ
1.มีปืนเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
2.เพื่อการกีฬา และ
3. เพื่อสะสม ซึ่งจากการก่อเหตุอาชญากรรมในแต่ละปี พบว่า ใช้ปืนเถื่อน 2-3 หมื่นกระบอก และเป็นปืนมีทะเบียน 4-5 พันกระบอก อย่างไรก็ตาม เห็นด้วยหากภาครัฐจะจัดการปราบปรามอาวุธเถื่อนอย่างเด็ดขาด
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการมีข้อกังวล เรื่องการห้ามนำเข้าอาวุธปืน และการต่อใบอนุญาต จะสามารถควบคุมได้จริงหรือไม่ เช่น การห้ามนำเข้าปืนที่ถูกกฎหมาย จะเป็นการกระตุ้นให้ผู้ผลิตเร่งผลิตปืนเถื่อน อย่างปืนไทยประดิษฐ์ บีบีกัน แบลงก์กัน ทะลักเข้าสู่ตลาดมืดหาง่ายขึ้นหรือไม่ การจะให้นำปืนมาขึ้นทะเบียน หรือการต่อใบอนุญาตทุก 5/10 ปี มองว่าการยิงเพื่อเก็บประวัติหัวกระสุน หากเป็นปืนแบลงก์กัน ถ้าคนร้ายเปลี่ยนลำกล้องใหม่จะตรวจสอบได้อย่างไร
ส่วนการห้ามอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าสนามยิงปืนจะเป็นการจำกัดสิทธิเยาวชนที่ต้องการฝึกซ้อมเพื่อเป็นนักกีฬาหรือไม่ ซึ่งกีฬายิงปืนสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศเป็นอย่างมาก ซึ่งปัญหาที่ผ่านมา ผู้คนมักจะกล่าวโทษอาวุธปืน ทั้งที่ปืนเป็นเพียงองค์ประกอบที่ทำให้เหตุนั้นรุนแรงขึ้น จึงอยากเรียกร้องให้รัฐเร่งปราบปรามให้ตรงจุดทำลายวงจรปืนเถื่อนผิดกฎหมาย เมื่อตรวจยึดได้ก็ให้ทำลายทั้งหมดเพื่อป้องกันการลักลอบนำกลับมาใช้ซ้ำ และพิจารณาปัจจัยเรื่องการก่อเหตุเกิดจากสาเหตุใดประกอบด้วย ทั้งปัญหาครอบครัว สังคม
#คุมอาวุธปืน