ไต้ฝุ่นโคอินุ เคลื่อนผ่านทางตอนใต้ของไต้หวัน มุ่งหน้าจีนและเกาะฮ่องกง

            กรมอุตุนิยมวิทยาของไทย รายงานความคืบหน้าพายุหมุนเขตร้อนใกล้เกาะไต้หวัน เช้าวันนี้ (5 ต.ค.66) พายุไต้ฝุ่นโคอินุ (KOINU) กำลังเคลื่อนตัวผ่านทางตอนใต้ของเกาะไต้หวัน และเคลื่อนตัวทางตะวันตกมุ่งไปทางตอนใต้ของประเทศจีนแถบมณฑลกวางตุ้งและเกาะฮ่องกง คาดว่า จะอ่อนกำลังลงอีก จะไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อสภาพอากาศของประเทศไทย เนื่องจาก มีมวลอากาศเย็นแผ่ลงมาปกคลุมประเทศจีนตอนใต้ทำให้พายุอ่อนกำลังลงในช่วงดังกล่าว

            สอดคล้องกับรอยเตอร์ รายงานว่า ตั้งแต่เมื่อวานนี้ ไต้ฝุ่นโคอินุ มุ่งหน้าสู่ตอนใต้ของไต้หวัน ทำให้มีฝนตกหนักและลมแรง ปิดโรงเรียนและสถานที่ทำงาน ยกเลิกเที่ยวบินมากกว่า 100 เที่ยวบิน กระทรวงคมนาคม รายงานว่า สายการบินไต้หวันยกเลิกเที่ยวบินภายในประเทศ 87 เที่ยวบิน และยกเลิกเที่ยวบินระหว่างประเทศ 25 เที่ยวบิน

           คาดกันว่าโคอินุจะขึ้นฝั่งทางชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของไต้หวันใกล้กับเมืองไถตงในเช้าวันพฤหัสบดี(5 ต.ค.66) โดยเป็นพายุไต้ฝุ่นระดับ 3 แต่จะอ่อนกำลังลงเมื่อเคลื่อนข้ามปลายด้านใต้ของเกาะและเข้าสู่ช่องแคบไต้หวัน ตามข้อมูลความเสี่ยงพายุโซนร้อน

           อิทธิพลของพายุ จะทำให้มีฝนตกหนักที่สุด ตามพื้นที่ที่เป็นภูเขาและมีประชากรเบาบางของอำเภอผิงตง ทางตอนใต้ และ ชายฝั่งตะวันออกของอำเภอไถตงและฮัวเหลียน และส่งผลกระทบกับเมืองท่าสำคัญทางตอนใต้อย่างเกาสงด้วย

           ซึ่งในพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบจากพายุ เช่น ในพื้นที่อำเภอไถตง เจ้าหน้าที่ได้ประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนระมัดระวังฝนตกหนัก ลมแรง เตือนชาวประมง ระวังคลื่นลมแรง ยกเลิกการเรียนการสอนตั้งแต่เมื่อวาน(4 ต.ค.66) ต่อเนื่องจนถึงวันนี้ (5 ต.ค.66)

           ส่วนกรุงไทเป เมืองหลวงของไต้หวัน มีฝนตก แต่คาดว่าไม่น่าจะได้รับผลกระทบหนัก สำนักงานและโรงเรียน ยังคงเปิดตามปกติ

          ฝนที่ตกในประเทศไทยขณะนี้ มาจากร่องมรสุมที่ยังพาดผ่านประเทศไทย และหย่อมความกดอากาศต่ำ (L) ยังต้องติดตามเป็นระยะ ไม่น่ากังวลเรื่องพายุ แต่ขอให้เฝ้าระวังฝนที่จะตกต่อเนื่องและตกหนักจากอิทธิพลของร่องมรสุมและหย่อมความกดอากาศต่ำ โดยช่วง 5-9 ต.ค.66 บริเวณภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง (กทม.และปริมณฑล) และภาคตะวันออก ช่วง 10-14 ต.ค.66 ดังนั้นระยะนี้อากาศจึงมีความแปรปรวนสูง

#ไต้ฝุ่นโคอินุ

#ไต้หวัน

CR:ขอบคุณข้อมูล-ภาพ กรมอุตุนิยมวิทยา,Reuters