ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก (Retailer Sentiment Index: RSI) เดือนก.ย.66 ซึ่งจัดทำร่วมกับสมาคมผู้ค้าปลีกไทย พบว่า ความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีกเดือน ก.ย.66 ปรับลดลงเล็กน้อย และ อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 จากแรงฉุดสำคัญ คือ ภาวะต้นทุนสูง แต่กำลังซื้อของครัวเรือนฐานรากยังอ่อนแอ ส่งผลให้การแข่งขันรุนแรงขึ้น และการปรับราคาทำได้จำกัด อย่างไรก็ดี การทำโปรโมชั่นของร้านค้าในช่วงสิ้นปี รวมถึงมาตรการภาครัฐส่งผลให้ความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับเพิ่มขึ้นมาก
ดัชนี RSI เดือนก.ย.66 ปรับลดลงเล็กน้อยในทุกองค์ประกอบจาก 46.7 เมื่อเดือนก่อน มาอยู่ที่ 46.4 ต่ำกว่าระดับ 50 สะท้อนความเชื่อมั่นที่แย่ลง โดยแรงฉุดที่สำคัญ คือ ต้นทุนสูง สภาพอากาศเป็นหน้าฝน ซึ่งเป็นช่วง Low Season ของภาคการค้า ทำให้การแข่งขันรุนแรงมากขึ้น รวมถึง กำลังซื้อของภาคครัวเรือนฐานรากที่อ่อนแอ การปรับขึ้นราคาสินค้าทำได้อย่างจำกัด ขณะที่ ดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 3เดือนข้างหน้า ปรับเพิ่มมาอยู่ที่ 65.0 จากแรงสนับสนุน คือ การทำโปรโมชั่นของร้านค้า กำลังซื้อที่คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงเทศกาลสิ้นปี รวมถึงมาตรการภาครัฐที่ช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายและกระตุ้นการท่องเที่ยว เช่น นโยบายลดค่าไฟฟ้า และการให้ฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีน เป็นต้น
หากจำแนกตามประเภทร้านค้า พบว่า ความเชื่อมั่นปัจจุบัน ปรับลดลงจากกลุ่มธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านอาหาร ขณะที่ ความเชื่อมั่นเรื่องยอดขายสาขาเดิม ค่าใช้จ่ายต่อครั้ง และความถี่ในการใช้บริการปรับลดลงจากเดือนก่อน โดยดัชนีความเชื่อมั่นยอดขายสาขาเดิม ลดลงเกือบทุกภูมิภาค ยกเว้น กรุงเทพฯและปริมณฑล
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวช่วงหนึ่งในการปาฐกถางาน “Thailand Economic Outlook 2024 Change the Future Today” ในหัวข้อ “ประเมินสุขภาพเศรษฐกิจไทย”ว่า เศรษฐกิจไทยหลังผ่านช่วงโควิด-19 เปรียบเหมือนคนไข้ที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล กลับมาพักที่บ้าน การฟื้นตัวจึงต้องใช้เวลาสักระยะ และระหว่างพักฟื้นต้องไม่ใช้ร่างกายหักโหม เช่น ไปวิ่งมาราธอน ส่วนโอกาสที่จะเกิดโรคอย่างเฉียบพลัน เช่น หัวใจวายนั้นคงไม่มี แต่อาจจะยังมีโรคที่เรื้อรังอยู่ไปอีกนาน เช่น เบาหวาน ก็ต้องค่อยๆปรับพฤติกรรมไป ไม่เช่นนั้นจะกระทบกับสุขภาพระยะยาว วิธีการรักษาต้องทำให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย ตอนนี้คงไม่ต้องเหยียบคันเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ต้องมองระยะยาวในเชิงโครงสร้าง ปรับการรักษาให้ตรงกับบริบทของคนไข้
การดำเนินการเพื่อให้เศรษฐกิจไทยโตต่อได้เข้มแข็งและยั่งยืน รัฐบาลควรต้องปรับปรุงกฎเกณฑ์ที่ซ้ำซ้อนและล้าสมัย ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจ และส่งผลกระทบต่อศักยภาพในการแข่งขันของไทย เช่น ขั้นตอนทางศุลกากร, การขออนุญาตของราชการ การออกใบอนุญาตทำงานและ VISA สำหรับแรงงานทักษะสูง ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะส่งเสริมบรรยากาศและดึงดูดความน่าสนใจในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น
#ตัวเลขค้าปลีก
CR:ขอบคุณข้อมูล-ภาพ ธนาคารแห่งประเทศไทย-Bank of Thailand