Reuters รายงานว่า ราคาน้ำมันร่วงลง 2% ปิดตลาดวันที่ 2 ต.ค.66 สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ จากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น และการขายทำกำไร เนื่องจาก มีความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น และแรงกดดันต่ออุปสงค์จากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ประกอบกับ สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบเบรนท์ที่มีราคาสูงกว่า หมดอายุลง
-สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพ.ย.66 ลดลง 1.97 ดอลลาร์ ปิดที่ 88.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
-เบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธ.ค.66 ลดลง 1.49 ดอลลาร์ ปิดที่ 90.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
*ราคาน้ำมันที่สิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 1.68 ดอลลาร์ ปิดที่ 124.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น ทำให้น้ำมันดิบมีราคาแพงขึ้น สำหรับผู้ซื้อที่ถือสกุลเงินอื่นๆ แม้ตลาดยังคงตึงตัว เนื่องจากมาตรการจำกัดอุปทานของซาอุดีอาระเบียและพันธมิตร
รายงานระบุว่า ตุรกี เตรียมเปิดท่อส่งน้ำมันดิบจากอิรักในสัปดาห์นี้ หลังจากที่ถูกปิดเป็นเวลา 6 เดือน
ด้าน Rapidan Group ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงาน เปิดเผยว่า ซาอุดีอาระเบียจะกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นมากกว่า 90 ดอลลาร์/บาร์เรล
ก่อนหน้านี้ ซาอุดีอาระเบียประกาศขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจจำนวน 1 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้ แต่ระบุว่ารัฐบาลจะทบทวนนโยบายดังกล่าวทุกเดือน โดยอาจมีการปรับการผลิตทั้งเพิ่มขึ้นหรือลดลง
Rapidan Group ระบุว่า ซาอุดีอาระเบีย อาจกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเร็วกว่าที่ตลาดคาดไว้ เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดภาวะน้ำมันตึงตัวจนราคาพุ่งขึ้นมากเกินไป เสี่ยงทำให้เศรษฐกิจโลกถดถอย และส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน
คณะกรรมการร่วมด้านการตรวจสอบระดับรัฐมนตรี (JMMC) ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะจัดการประชุมในวันพุธ( 4 ต.ค.66)
ขณะที่ แหล่งข่าว ระบุว่าที่ประชุมจะมีมติคงนโยบายการผลิต ซึ่งจะส่งผลให้โอเปกพลัสปรับลดกำลังการผลิตรวม 3.66 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปี 67
#น้ำมันโลก
#ดอลลาร์แข็งค่า
#เทขายทำกำไร
CR:Reuters