*นายกฯเตรียมใช้ม.44 แก้ปัญหาโรฮิงญา หากพบจนท.รัฐพัวพันส่งชื่อเข้าส่วนกลาง*

06 พฤษภาคม 2558, 13:00น.


ปัญหาค้ามนุษย์ โรฮิงญา พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า  นายกฯได้กำชับเพิ่มเติมสามเรื่องหลักคือให้สแกนพื้นที่ตรวจสอบการทำผิดกฎหมายให้แล้วเสร็จใน 10 วัน รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่จัดการประชุมกับทุกภาคส่วนเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชน และในด้านสุดท้ายคือหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องแล้วท้องถิ่นไม่สามารถแก้ไขได้ ให้ส่งเรื่องมายังกรมการปกครองเพื่อให้ส่วนกลางเข้าจัดการต่อไป เป็นไปได้ว่านายกฯอาจใช้ม.44 เข้าจัดการปัญหาเองด้วย ส่วนความกังวลที่ว่าสหรัฐฯอาจขึ้นบัญชีการค้ามนุษย์ไทยหรือไม่นั้น พล.ต.สรรเสริญ ระบุว่า รัฐบาลได้พยายามแก้ไขปัญหาทั้งระบบแล้วในทุกเรื่อง ซึ่งอาจต้องใช้เวลาบ้าง ทั้งนี้สหรัฯจะมองเช่นไรก็คงเป็นเรื่องของสหรัฐ



ส่วนผลการประชุมผ่านวีดีทัศน์ทางไกลผ่านดาวเทียมระหว่างศูนย์ปฎิบัติการนายกรัฐมนตรี กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสถานเอกอัครราชทูตไทยที่กรุงกาฐมาณฑุประจำประเทศเนปาล โดยมีหม่อมหลวง ปนัดดา ดิษกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลนั้นพล.ต.สรรเสริญ เปิดเผยว่า ขณะนี้เนปาลกำลังเข้าสู่ภาวะฟื้นฟูบูรณะตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม และได้ขอให้หน่วยงานนานาชาติด้านการกู้ภัยและกู้ชีพฉุกเฉินยุติการปฎิบัติหน้าที่ในวันที่ 10 พฤษภาคม 2557 และออกจากพื้นที่วันที่ 15 พฤษภาคมนี้ เพื่อเข้าสู่ภาวะฟื้นฟูอย่างเต็มที่ ซึ่งหากเป็นไปตามแผนทีมแพทย์ไทยและทีมทหารไทยชุดแรกก็จะออกจากพื้นที่ในวันที่ 10 พฤษภาคมนี้ ส่วนสิ่งของที่เนปาลต้องการขณะนี้ยังเป็นเต้นท์ที่มีหลังคาคลุมรอบ และสิ่งอุปโภคบริโภค ที่ประชุมเห็นว่า หากจะจัดส่งเป็นสิ่งของไปอาจมีค่าใช้จ่ายสูง จึงอาจจะให้เป็นเงินไปและนำไปซื้อสิ่งของต่างๆในบริเวณใกล้เคียงแทน เพือประหยัดค่าขนส่งและความสะดวกในการขนย้าย ขณะเดียวกันได้ทราบว่ารัฐบาลเนปาลประกาศตั้งกองทุนฟื้นฟูในประเทศ ซึ่งตั้งเป้าไว้ที่ 2 พันล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯ โดยรัฐบาลเนปาลได้ประเดิมกองทุนไว้ที่ 200 ล้านเหรียญ



ส่วนวงเงินที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ 100 ล้านบาทนั้นอยู่ในขั้นตอนดำเนินการต่างๆ และในวันศุกร์นี้กระทรวงการต่างประเทศจะประชุมเพื่อกำหนดแนวทางการช่วยเหลือเนปาลในระยะฟื้นฟู ส่วนทีมแพทย์จากสังกัดกระทรวงสาธารณสุขผลัดที่ 2 ที่กำลังจะเดินทางไปนั้นคงต้องไปหารือกันอีกครั้งว่าจะปฎิบัติภารกิจในพื้นที่ใด ซึ่งคงเป็นการช่วยเหลือการฟื้นฟูเป็นหลัก

ข่าวทั้งหมด

X