ผู้ผลิตรถในยุโรป เสี่ยงสูญเสียรายได้ 3,750 ล้านปอนด์ หลังกฎคุมรถไฟฟ้าภายใต้เบร็กซิท บังคับใช้ม.ค.ปี67

          บีบีซี รายงานอ้างสมาคมผู้ผลิตรถยนต์แห่งยุโรป (ACEA)ว่า กฎระเบียบการค้าใหม่ที่ควบคุมเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า ภายใต้ข้อตกลงถอนตัวจากกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู)ของสหราชอาณาจักร หรือ เบร็กซิท ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 จะทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ของยุโรปสูญเสียรายได้ 3,750 ล้านปอนด์ในช่วง 3 ปีข้างหน้า เตือนว่า มาตรการนี้จะมีผลให้ปริมาณรถยนต์ที่ผลิตจากโรงงานผลิตรถยนต์ในยุโรปลดลงราว 480,000 คัน พร้อมเสนอให้คณะกรรมาธิการยุโรปเปิดเจรจาขอเลื่อนการบังคับใช้ข้อกำหนดเรื่องนี้จนถึงปี 2570

         กฎระเบียบการค้าฉบับนี้ มุ่งหมายให้รถยนต์ไฟฟ้าทุกคันที่ผลิตภายในกลุ่มอียูต้องใช้อะไหล่ ชิ้นส่วนประกอบในท้องถิ่นทั้งหมด แต่ที่ผ่านมาผู้ผลิตรถยนต์ทั้งจากยุโรปและสหราชอาณาจักร ยอมรับพวกเขาไม่พร้อมจะทำตามกฎระเบียบข้อนี้ และจะทำให้ผู้บริโภคจ่ายเงินในราคาที่แพงขึ้น

          ทั้งนี้ ปัญหาหลักอยู่ที่ข้อกำหนดที่เรียกว่า แหล่งกำเนิดสินค้า (Rule of Origin)ซึ่งเริ่มมีผลบังคับในเดือนมกราคม 2567 ใช้กับการขนส่งสินค้าประเภทรถยนต์เพื่อส่งออกข้ามช่องแคบอังกฤษ ซึ่งเป็นรายละเอียดส่วนหนึ่งของข้อตกลงเบร็กซิท ซึ่งเรียกว่า ข้อตกลงความร่วมมือและการค้า ระหว่างสหราชอาณาจักรกับกลุ่มอียู ซึ่งกำหนดว่า รถยนต์ไฟฟ้าจะใช้ชิ้นส่วนเช่น แบตเตอรี่ ที่ผลิตจากสหราชอาณาจักร หรือจากกลุ่มอียูก็ได้ พร้อมกำหนดว่า รถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ได้ทำตามข้อกำหนดนี้จะเสียภาษีร้อยละ 10 เมื่อขนส่งจากฝั่งยุโรปข้ามช่องแคบ เพื่อการส่งออกในสหราชอาณาจักร หรือส่งออกจากสหราชอาณาจักรข้ามช่องแคบอังกฤษเพื่อส่งออกสู่ตลาดยุโรป

          แต่เดิม กฎระเบียบนี้มุ่งเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมรถยนต์ของยุโรป สกัดการนำเข้ารถราคาถูกๆจากนอกตลาดยุโรป แต่ปรากฏว่า การผลิตชิ้นส่วนต่างๆ รวมถึง แบตเตอรี่สำหรับรถไฟฟ้าในยุโรปดำเนินการล่าช้ากว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะเดียวกัน บริษัทผลิตรถยนต์ทั้งในยุโรปและสหราชอาณาจักร เร่งปรับตัวเองให้สอดคล้องกับกฎระเบียบใหม่เช่นกัน

#กลุ่มสหภาพยุโรป

#อุตสาหกรรมรถไฟฟ้า