หลังจากที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินนโยบายพักหนี้เกษตรกร และหนี้ของธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 โดยมีกรอบระยะเวลาไม่เกิน 14 วัน เพื่อนำเสนอแนวทางการดำเนินนโยบายต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)
ล่าสุด เพจพรรคเพื่อไทย รายงานว่า นายจุลพันธ์ เปิดเผยความคืบหน้าล่าสุดมาตรการพักหนี้เกษตรกรว่า กระทรวงการคลังได้เรียกธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) มาหารือเกี่ยวกับมาตรการพักหนี้เกษตรกร ซึ่งจะสรุปกรอบมาตรการและเสนอครม.ได้ในสัปดาห์หน้า
การพักชำระหนี้ของเกษตรกรครั้งนี้จะแตกต่างจากอดีต คือแม้จะเข้าโครงการพักหนี้แล้ว แต่เกษตรกรยังกู้ยืมเงินเพิ่มเติมจาก ธ.ก.ส.นำไปประกอบอาชีพได้ หลังจากพ้นระยะเวลาการพักหนี้เกษตรกรจะกลับมาแข็งแกร่งขึ้น รวมทั้งระหว่างการพักหนี้ ธ.ก.ส.จะเปิดโอกาสให้เกษตรกรชำระหนี้เข้ามาได้ โดยเงินชำระหนี้จะนำไปตัดเงินต้นเป็นส่วนใหญ่ เพื่อให้หลังพ้นระยะเวลาการพักชำระหนี้แล้วเกษตรกรจะได้มีภาระหนี้ลดลง
ส่วนผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งเป็นการดำเนินการตามมติที่ประชุมครม.คาดว่า จะต้องตั้งคณะทำงานเพื่อกำหนดแนวทางการพักหนี้ให้กลุ่ม SMEs และให้มีข้อสรุปโดยเร็วที่สุด มาตรการพักหนี้กลุ่ม SMEs เบื้องต้นจะใช้ข้อมูลกลุ่มลูกหนี้ ตามรหัส 21 ของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นกลุ่มลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 มีวงเงินสินเชื่อ 3 แสนล้านบาท มีลูกค้าอยู่ประมาณ 3 ล้านบัญชี ซึ่งเป็นทั้งลูกค้าของ ธ.ก.ส.ส่วนน้อย และมีลูกค้าของสถาบันการเงินของรัฐ โดยเฉพาะธนาคารออมสินเป็นส่วนใหญ่ โดยจะพักหนี้ทั้งต้นและดอกเบี้ย เป็นระยะเวลา 1 ปี แต่จะต้องขอเวลาทำรายละเอียด และ เสนอครม.อย่างช้าสุดภายใน 1 เดือน
กระทรวงการคลัง จะเสนอนายเศรษฐา ให้ตั้งคณะทำงานโดยเชิญตัวแทนของธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน และธ.ก.ส. เพื่อกำหนดแนวทางในการพักหนี้ให้กลุ่มSMEs ให้มีข้อสรุปโดยเร็วที่สุด
#กระทรวงการคลัง
#พักหนี้เกษตรกร
CR:ขอบคุณข้อมูล พรรคเพื่อไทย,ภาพ กระทรวงการคลัง Ministry of Finance